เกรท วอลล์ มอเตอร์ จับมือ นิด้าโพล เผยผลสำรวจ คนไทยเปิดรับรถยนต์ xEV มากขึ้น เน้นประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และเทคโนโลยีล้ำสมัย สะท้อนศักยภาพตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมก้าวสู่ยุคพลังงานทางเลือกใหม่
เมื่อ : 23 ธ.ค. 2564 ,
1074 Views
กรุงเทพฯ – 23 ธันวาคม 2564 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ของคนไทย 1,000 คนจากทั่วประเทศ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 พบว่า คนไทยให้ความสนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่มากขึ้นกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลสำรวจระบุว่าผู้บริโภคชาวไทยที่มีความสนใจในรถยนต์พลังงานทางเลือก (xEV) ให้เหตุผลถึงความต้องการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึง 83.85% ขณะที่ 52.41% สนใจรถยนต์ xEV เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจมากที่สุดถึง 44.82% อีกทั้งยังให้การตอบรับเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ด้วยเหตุผลด้านความคุ้มค่า ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น ที่สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการขึ้นเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทย ควบคู่ไปกับการสร้าง ecosystem ด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ต่อความคิดเห็นเรื่องรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ปีที่ 2 นี้ เผยให้เห็นถึงความตื่นตัวและการเปิดรับรถยนต์พลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้นของคนไทยเมื่อเทียบกับผลสำรวจที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ทำขึ้นร่วมกับสถาบันนิด้าในปีก่อนหน้า โดยพบว่าเหตุผลที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เพื่อเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงถึง 83.85% เพิ่มขึ้นจาก 77.68% ในปี พ.ศ. 2563 ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญ โดย 52.41% ให้เหตุผลที่สนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เนื่องมาจากนวัตกรรมล้ำสมัยที่มาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 26.88% ของปีก่อนหน้านี้ สำหรับรูปแบบรถยนต์ xEV ที่คนไทยสนใจมากที่สุดในปี พ.ศ. 2564 ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจต้องการซื้อถึง 44.82% เพิ่มขึ้นถึง 13.87% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) ที่มีผู้ให้ความสนใจ 27.94% และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ที่ 27.24% ตามลำดับ
จากผลสำรวจยังพบว่า 3 ปัจจัยหลักที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อรถพลังงานทางเลือกใหม่ของคนไทย ได้แก่ ความคุ้มค่าของราคา (33.77%) ความปลอดภัย (23.59%) และนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย (11.45%) ขณะเดียวกันเหตุผลอันดับแรกที่ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจจากการซื้อรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่มาจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมัน โดย 35.34% ให้เหตุผลว่าราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมันทำให้เปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ 18.95% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีความปลอดภัยที่สูงกว่า และ 12.73% ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ 67.62% เชื่อว่าราคาที่จับต้องได้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้นและเร็วขึ้น และอีก 49.16% คิดว่านโยบายสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่าคนไทย 63.57% เคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่มาก่อนแล้ว โดยใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลสูงถึง 77.17% ตามด้วยเว็บไซต์ 54.19% และสื่อโทรทัศน์ 31.21% ตามลำดับ ส่วนบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยมากที่สุด ได้แก่ คู่ครอง (26.71%) ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากแบรนด์ (18.11%) และพ่อแม่ (17.66%) ตามลำดับ นอกจากนี้ คนไทยยังให้การตอบรับเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเป็นอย่างดี โดย 55.28% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมีราคาคุ้มค่า 49.16% มองว่ามีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ 32.08% ชื่นชอบในการออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์ ‘consumer-centric’ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะรับฟังทุกเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำไปใช้สร้างสรรค์และออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เราทำร่วมกับนิด้าโพลในปีนี้ ทำให้เราได้เห็นความต้องการและการเปิดรับรถยนต์พลังงานทางเลือกในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่ชัดเจนและเพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ และยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงปรากฏการณ์ที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้สร้างขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการเปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือกถึง 4 รุ่นภายในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV, ORA Good Cat, All New HAVAL JOLION Hybrid SUV และการเผยโฉม All New HAVAL H6 Plug-In Hybrid SUV เป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันข้อมูลที่เราได้รับจากการสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในแง่อุปสรรคปัญหาหรือความต้องการต่างๆ ของผู้บริโภค เราได้นำมาใช้เพื่อปรับปรุงแนวทางการทำตลาดและการให้บริการ ส่งผลให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถบรรลุหมุดหมายที่วางไว้ และเพิ่มศักยภาพให้แก่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยได้อย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบปัญหาหลักที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยส่วนหนึ่งยังไม่สนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้ายังมีน้อยกว่าความต้องการ โดย 74.93% คาดหวังอยากให้มีสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมทั้งประเทศ ในขณะที่ 63.97% ต้องการให้สถานีชาร์จไฟฟ้าเป็นสถานีชาร์จแบบเร็ว (DC Fast Charge) ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ ก็ได้เปิด G-Charge Supercharging Station สถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charge พร้อมระบบโซลาร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ สยามสแควร์ ซอย 7 เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีตู้ชาร์จแบบ DC ขนาด 160kW 3 ตู้ รองรับการชาร์จได้ถึง 6 ช่องจอดพร้อมกัน และกำลังเร่งขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงการขยายเครือข่ายจุดชาร์จแบบ DC ไปยัง GWM Partner Store ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงตามโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นการผลักดันให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีความแพร่หลายและง่ายดายยิ่งขึ้น
“การเปิดตัว G-Charge Supercharging Station และความมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge ของเรา จะไม่เพียงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเท่านั้น แต่เรายังต้องการเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ EV Ecosystem ในไทย และเกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงเดินหน้าพูดคุย สอบถาม และรับฟังทุกเสียงของผู้บริโภคชาวไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปใช้สร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับการผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรม xEV ที่ล้ำสมัยให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทย รวมถึงช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอีกด้วย” นายณรงค์ กล่าว
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) เล็งเห็นปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคชาวไทย และมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในราคาที่จับต้องได้สำหรับคนไทย เพื่อร่วมนำผู้บริโภคและตลาดยานยนต์ไทยก้าวสู่ยุคพลังงานทางเลือกใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้รถยนต์ต่อความคิดเห็นเรื่องรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ปีที่ 2 นี้ เผยให้เห็นถึงความตื่นตัวและการเปิดรับรถยนต์พลังงานทางเลือกเพิ่มมากขึ้นของคนไทยเมื่อเทียบกับผลสำรวจที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ทำขึ้นร่วมกับสถาบันนิด้าในปีก่อนหน้า โดยพบว่าเหตุผลที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เพื่อเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงถึง 83.85% เพิ่มขึ้นจาก 77.68% ในปี พ.ศ. 2563 ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญ โดย 52.41% ให้เหตุผลที่สนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่เนื่องมาจากนวัตกรรมล้ำสมัยที่มาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 26.88% ของปีก่อนหน้านี้ สำหรับรูปแบบรถยนต์ xEV ที่คนไทยสนใจมากที่สุดในปี พ.ศ. 2564 ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) ซึ่งมีผู้บริโภคให้ความสนใจต้องการซื้อถึง 44.82% เพิ่มขึ้นถึง 13.87% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) ที่มีผู้ให้ความสนใจ 27.94% และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ที่ 27.24% ตามลำดับ
จากผลสำรวจยังพบว่า 3 ปัจจัยหลักที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อรถพลังงานทางเลือกใหม่ของคนไทย ได้แก่ ความคุ้มค่าของราคา (33.77%) ความปลอดภัย (23.59%) และนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย (11.45%) ขณะเดียวกันเหตุผลอันดับแรกที่ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจจากการซื้อรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่มาจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมัน โดย 35.34% ให้เหตุผลว่าราคาค่าชาร์จไฟที่ถูกกว่าราคาน้ำมันทำให้เปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ 18.95% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีความปลอดภัยที่สูงกว่า และ 12.73% ให้ความสำคัญกับเรื่องของความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ 67.62% เชื่อว่าราคาที่จับต้องได้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้นและเร็วขึ้น และอีก 49.16% คิดว่านโยบายสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่าคนไทย 63.57% เคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่มาก่อนแล้ว โดยใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลสูงถึง 77.17% ตามด้วยเว็บไซต์ 54.19% และสื่อโทรทัศน์ 31.21% ตามลำดับ ส่วนบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทยมากที่สุด ได้แก่ คู่ครอง (26.71%) ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากแบรนด์ (18.11%) และพ่อแม่ (17.66%) ตามลำดับ นอกจากนี้ คนไทยยังให้การตอบรับเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเป็นอย่างดี โดย 55.28% มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมีราคาคุ้มค่า 49.16% มองว่ามีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ 32.08% ชื่นชอบในการออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์ ‘consumer-centric’ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะรับฟังทุกเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำไปใช้สร้างสรรค์และออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เราทำร่วมกับนิด้าโพลในปีนี้ ทำให้เราได้เห็นความต้องการและการเปิดรับรถยนต์พลังงานทางเลือกในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่ชัดเจนและเพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ และยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงปรากฏการณ์ที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ได้สร้างขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จากการเปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือกถึง 4 รุ่นภายในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV, ORA Good Cat, All New HAVAL JOLION Hybrid SUV และการเผยโฉม All New HAVAL H6 Plug-In Hybrid SUV เป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันข้อมูลที่เราได้รับจากการสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในแง่อุปสรรคปัญหาหรือความต้องการต่างๆ ของผู้บริโภค เราได้นำมาใช้เพื่อปรับปรุงแนวทางการทำตลาดและการให้บริการ ส่งผลให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถบรรลุหมุดหมายที่วางไว้ และเพิ่มศักยภาพให้แก่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยได้อย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ จากผลสำรวจยังพบปัญหาหลักที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยส่วนหนึ่งยังไม่สนใจเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้ายังมีน้อยกว่าความต้องการ โดย 74.93% คาดหวังอยากให้มีสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมทั้งประเทศ ในขณะที่ 63.97% ต้องการให้สถานีชาร์จไฟฟ้าเป็นสถานีชาร์จแบบเร็ว (DC Fast Charge) ซึ่งเกรท วอลล์ มอเตอร์ ก็ได้เปิด G-Charge Supercharging Station สถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Fast Charge พร้อมระบบโซลาร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ สยามสแควร์ ซอย 7 เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีตู้ชาร์จแบบ DC ขนาด 160kW 3 ตู้ รองรับการชาร์จได้ถึง 6 ช่องจอดพร้อมกัน และกำลังเร่งขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงการขยายเครือข่ายจุดชาร์จแบบ DC ไปยัง GWM Partner Store ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงตามโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นการผลักดันให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีความแพร่หลายและง่ายดายยิ่งขึ้น
“การเปิดตัว G-Charge Supercharging Station และความมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ DC Fast Charge ของเรา จะไม่เพียงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเท่านั้น แต่เรายังต้องการเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ EV Ecosystem ในไทย และเกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงเดินหน้าพูดคุย สอบถาม และรับฟังทุกเสียงของผู้บริโภคชาวไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปใช้สร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับการผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรม xEV ที่ล้ำสมัยให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทย รวมถึงช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอีกด้วย” นายณรงค์ กล่าว
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company) เล็งเห็นปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคชาวไทย และมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในราคาที่จับต้องได้สำหรับคนไทย เพื่อร่วมนำผู้บริโภคและตลาดยานยนต์ไทยก้าวสู่ยุคพลังงานทางเลือกใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน