การเดินทางของ Seafood from Norway กับการสร้างมรดกจากอาหารทะเล
กรุงเทพฯ 11 เมษายน 2567 – เคยสงสัยหรือไม่ว่าประเทศใดที่ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูงและมีความยั่งยืนให้กับทั่วโลก ลองสังเกตดูเวลาไปเลือกซื้ออาหารทะเลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอร่อยและดีต่อสุขภาพตามเคาน์เตอร์ในซูเปอร์มาร์เก็ต หลายคนอาจจะเคยเห็นแถบสีน้ำเงิน แดง และขาว บนตราสัญลักษณ์ Seafood from Norway ที่บ่งบอกถึงอาหารทะเลคุณภาพสูง ที่เพาะเลี้ยงและจับได้ในน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์
ประเทศแห่งอาหารทะเล
นอร์เวย์เป็นประเทศที่ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเป็นประเทศแรกและยังคงเป็นประเทศที่ทำการประมงที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรแอตแลนติก สามารถผลิตแซลมอนจากการเลี้ยงภายในฟาร์มตามแนวชายฝั่งที่ยาวกว่า 100000 กิโลเมตร[1] ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดในโลก ประเทศนอร์เวย์แวดล้อมไปด้วยน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาด เป็นแหล่งกำเนิดของแซลมอนที่สมบูรณ์แบบ เหมาะแก่การเจริญเติบโตเป็นอย่างยิ่ง ประเทศแห่งอาหารทะเลนี้มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมายาวนานนับศตวรรษ ตั้งอยู่บนรากฐานของผู้คน ธรรมชาติ และความยั่งยืน อาหารทะเลถือเป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งและเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดของนอร์เวย์ ในปี 2566 ประเทศนอร์เวย์ได้ส่งออกอาหารทะเลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 586 พันล้านบาท นับเป็นสัดส่วน 3.33% ของสินค้าและบริการส่งออกโดยรวมของประเทศ
เพราะทุกมื้ออาหารมีความสำคัญ
อาหารทะเลถือเป็นแหล่งโปรตีนที่จำเป็นและยังเป็นทางเลือกอาหารที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นใหม่ซึ่งล้วนให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของอาหารและการผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ในแต่ละปี นอร์เวย์ผลิตอาหารทะเล เช่น แซลมอน นอร์วีเจียนซาบะ และฟยอร์ดเทราต์ เทียบเท่า 40 ล้านมื้อต่อวัน ปริมาณรวมกว่า 2.9 ล้านตัน เป็นมูลค่ากว่า 510 ล้านบาท เพื่อส่งออกไปยัง 150 ประเทศทั่วโลก เมื่อเทียบกับโปรตีนชนิดอื่น ๆ เช่น เนื้อหมูหรือเนื้อวัว อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หากมีการดำเนินการที่ยั่งยืน จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าถึง 10 เท่า[2] อาหารทะเลจากนอร์เวย์จึงไม่เพียงแต่อร่อย และดีต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นมิตรต่อโลกอีกด้วย
สัญลักษณ์ Seafood from Norway ซึ่งถูกออกแบบขึ้นในปี 2560
สร้างการจดจำให้ทั่วโลกรู้จัก
คนไทยส่วนใหญ่รู้จักแซลมอนผ่านอาหารญี่ปุ่น เพราะพบได้บ่อยในเมนูอย่างซูชิและซาชิมิตามร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 5300 แห่งทั่วประเทศ[3] คนไทยมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างดี แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยสัมผัสกับวัฒนธรรมนอร์เวย์ ด้วยเหตุนี้คนไทยจึงขาดความเชื่อมโยงระหว่างแซลมอนกับประเทศนอร์เวย์ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ซึ่งเป็นสภาเดียวในโลกที่เป็นตัวแทนอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศ ได้สร้างแคมเปญทางการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงประเทศต้นกำเนิดอย่างนอร์เวย์ ในฐานะประเทศที่ผลิตอาหารทะเลคุณภาพสูง โดยในปี 2560 ได้เปิดตัวสัญลักษณ์ใหม่ที่มีความเรียบง่ายและเข้าถึงผู้คนได้ในระดับนานาชาติ การเดินทางของสัญลักษณ์ Seafood from Norway จึงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เดินหน้าสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากน่าจะได้เคยเห็นสัญลักษณ์ Seafood from Norway ที่เคาน์เตอร์อาหารทะเล ซึ่งบ่งบอกถึงอาหารทะเลคุณภาพสูง ที่เพาะเลี้ยงและจับได้ในน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดจากนอร์เวย์ โดยในปี 2566 คนไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 81% คุ้นเคยกับสัญลักษณ์ Seafood from Norway ซึ่งเพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อนหน้า และมากกว่า 50% ของผู้บริโภคแซลมอนในกรุงเทพฯ สามารถเจาะจงได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากนอร์เวย์ มีเพียง 10% เท่านั้นที่ยังเข้าใจผิดว่าแซลมอนมาจากประเทศญี่ปุ่น[4]
ขวา : แกงเขียวหวานแซลมอนจากนอร์เวย์
ซ้าย : ลาบแซลมอนจากนอร์เวย์
สัญลักษณ์ Seafood from Norway ทำให้แบรนด์อาหารทะเลจากนอร์เวย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดโลก ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารทะเลกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ในปี 2566 ประเทศไทยนำเข้าแซลมอนและฟยอร์ดเทราต์เป็นปริมาณกว่า 23526 ตัน และแซลมอนและฟยอร์ดเทราต์สดรวมกว่า 21808 ตัน ประเทศไทยกลายเป็นตลาดที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับผู้ส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมาอย่างยาวนานนับศตวรรษของประเทศแห่งอาหารทะเลอย่างนอร์เวย์ยังคงเติบโตต่อไป ด้วยการผลิตที่มีความยั่งยืน ความชำนาญด้านอาหารทะเล และธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ทำให้นอร์เวย์สามารถผลิตโปรตีนคุณภาพสูงจากท้องทะเลที่เหมาะกับทุกจานอาหาร ในขณะเดียวกันแซลมอนจากนอร์เวย์ก็ได้เดินทางจากการเป็นวัตถุดิบสำหรับซูชิและซาชิมิ มาสู่อาหารไทยอันแสนอร่อยและครองใจคนไทยได้ไม่น้อย เรียกได้ว่าอาหารทะเลจากนอร์เวย์เป็นมื้ออาหารที่เหมาะสำหรับทุกคน