ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ผนึกกำลัง ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จัดกิจกรรม “One Suntory Helping Hands” ชูค่านิยมองค์กร “การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม”
กรุงเทพฯ 26 กันยายน 2566 - สองบริษัทชั้นนำในเครือซันโทรี่ นำโดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย และ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ซุปไก่สกัด แบรนด์รังนกแท้ และแบรนด์แพลนท์เบสสกัด ร่วมกันจัดกิจกรรม “One Suntory Helping Hands” เป็นครั้งแรก โดยพนักงานของทั้งสองบริษัทระดมทุนได้กว่า 600000 บาท เพื่อจัดหาตู้ทำน้ำเย็นที่มีระบบกรองน้ำให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนในจังหวัดระยอง สระบุรี และฉะเชิงเทรา และนำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่จัดกิจกรรมดี ๆ พร้อมกันนี้ยังมอบเงินอีกส่วนที่ได้จากการระดมทุนให้แก่ธนาคารนมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ภายใต้มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้
นางสาวเพียงจิต ศรีประสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เริ่มจัดกิจกรรม ‘Helping Hands’ ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2560 และได้จัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงพลังจิตอาสาในการช่วยเหลือสังคม สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับประเทศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ สอดคล้องกับค่านิยมองค์กร ‘การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม’ (Giving Back to Society) ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดโอกาสให้พนักงานจัดกิจกรรมระดมทุน เพื่อนำไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ด้อยโอกาสและองค์กรการกุศลในพื้นที่ สำหรับการจัดกิจกรรม ‘Helping Hands ครั้งที่ 7’ ในปี 2566 นี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม ‘One Suntory Helping Hands’ เป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้ง 2 บริษัทในเครือ ซันโทรี่ ที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมไทย”
กิจกรรม “One Suntory Helping Hands” ในปีนี้จัดขึ้นโดยพนักงานของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) เริ่มจากการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อระดมทุนในงาน“Bring & Buy” ภายใต้ธีม “พี่ชื่นบาน น้องชื่นใจ” อาทิ การออกบูธขายของต่างๆ ของเพื่อนพนักงาน การประมูลสินค้า และการขายสลากการกุศล ซึ่งสามารถระดมทุนได้กว่า 600000 บาท โดยเงินส่วนหนึ่งนำไปจัดซื้อตู้ทำน้ำเย็นที่มีระบบกรองน้ำเพื่อมอบให้ 6 โรงเรียน ได้แก่ 1) โรงเรียนบ้านปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 2) โรงเรียนบ้านห้วยปราบ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 3) โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 9 อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 4) โรงเรียนวัดหนองผักชี อ.หนองแค จ.สระบุรี 5) โรงเรียนบึงเทพยา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา 6) โรงเรียนคลองสะบัดจาก อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ รวมถึงเปลี่ยนไส้กรองน้ำให้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์การศึกษาพิเศษ และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาทักษะชีวิต อีก 13 แห่งในจังหวัดสระบุรีด้วย สถานที่เหล่านี้ขาดแคลนทุนทรัพย์ในจัดหาน้ำดื่มสะอาด การบริจาคตู้ทำน้ำเย็นที่มีระบบกรองน้ำและไส้กรองน้ำในครั้งนี้ จึงช่วยให้ประชาชนได้มีน้ำดื่มสะอาดไว้บริโภค ซึ่งถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ยังได้นำเงินระดมทุนอีกส่วนหนึ่งไปบริจาคให้กับธนาคารนมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ภายใต้มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทารกเกิดก่อนกำหนดและทารกที่เจ็บป่วย
นางสาวณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า กล่าวว่า “ในนามของบริษัทซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม ‘One Suntory Helping Hands’ เป็นครั้งแรก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดโครงการ ‘แบรนด์..พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต’ (BRAND’S Young Blood) เชิญชวนนิสิตนักศึกษาร่วมบริจาคโลหิต รวมถึงการมอบผลิตภัณฑ์แบรนด์ให้กับโรงพยาบาลและมูลนิธิต่างๆ ภายใต้โครงการ ‘สร้างสุขภาพดีไปกับแบรนด์’ ดังนั้น การได้มาทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมกันกับซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จึงถือเป็นการผนึกกำลังจิตอาสาครั้งสำคัญ ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้มากกว่าเดิม รวมถึงตอกย้ำค่านิยมองค์กรของซันโทรี่ กรุ๊ป ‘การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม’ (Giving Back to Society) ได้อย่างชัดเจน”