“อี.ไอ.พี ประเทศไทย” จับมือ 3 บริษัทผู้นำนวัตกรรมจากเอเชีย ผุด 4 กิจการ พร้อมทุนกว่า 80000 ลบ.
มุ่งพาไทยก้าวสู่ความล้ำหน้าทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจยั่งยืน ขานรับนโยบาย EEC ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0
จากซ้ายไปขวา
- คุณสตีฟ แชน (Mr.Steve Shan) กรรมการผู้จัดการ และ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (MD & CFO) บริษัท อะแวค์ โกลบอล จำกัด (สิงคโปร์) (Averte Global PTE Ltd.)
- คุณแคเรนซ์ แชน (Mr. Clarence Chan) กรรมการบริหาร (Executive Director) บริษัท อะแวค์ โกลบอล จำกัด (สิงคโปร์) (Averte Global PTE Ltd.)
- คุณแอแลนด์ แลม (Mr. Alan Nam) ประธานบริษัท (Chairman) บริษัท พาวิลเลี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ฮ่องกง) (Pavillion Property Ltd.)
- คุณวีดี้ ชเวง (Mr. Vidy Cheung) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อี.ไอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด (E.I.P. (THAILAND) COMPANY LIMITED)
- คุณอนา วงศ์สิงห์ ผู้ก่อตั้ง .บริษัท อี.ไอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด (E.I.P. (THAILAND) COMPANY LIMITED)
- นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
- ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวันออก (EEC)
- นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา
- คุณรอย ฟง (Mr. Roy Fung) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท อะแวค์ โกลบอล จำกัด (สิงคโปร์) (Averte Global PTE Ltd.)
- คุณแมททิว แทง (Mr. Matthew Tang) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท เนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอ-เทค จำกัด (ฮ่องกง) (Nature International Bio-Tech Company Limited)
บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งโดย คุณวีดี้ ชเวง (Mr. Vidy Cheung) และ คุณอนา วงศ์สิงห์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท คิงดอม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เจ้าของ โครงการใหญ่มากมาย อาทิ โครงการ Southpoint Pattaya โครงการคอนโดหรูระดับไฮเอนท์ ที่อยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของพัทยา โครงการ The Bay Shopping Mall และ โครงการ AW Wellness เป็นต้น จากวิสัยทัศน์ของทั้ง 2 ผู้บริหารที่มุ่งมั่นและต้องการ เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย รวมถึงความพยายามในวงการธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลก จากวิกฤต COVID-19 และ สงคราม เมื่อได้มีโอกาสติดต่อทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ที่มีความต้องการความร่วมมือความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งคุณอนาและคุณวีดี้ เกิดแนวคิดความร่วมมือสู่การลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย ในการร่วมมือ วิเคราะห์ วิจัย สู่เป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลในภาพรวม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศไทยและการส่งออกในห่วงโซ่อุปทาน ในภูมิภาคเอเชียแบบยั่งยืน เช่น การสร้างงานการสร้างเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมนุษย์ โดยทาง บริษัท อี.ไอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีนโยบายพร้อมเล็งเห็นความสำคัญของพันธมิตรการลงทุนการค้าอย่างมีความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบรรลุความสำเร็จสู่เป้าหมายเดียวกัน ซึ่งเป็นที่มาของการจัดงานพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและฮ่องกง ถึง 3 บริษัท กับ 4 กิจการ ในครั้งนี้ โดยจัดขึ้น เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูม 2 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา ซึ่งในการลงนามครั้งนี้จะเป็นการลงนามเพื่อเปิดกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ทั้งหมด 4 บริษัท ดังนี้
1. บริษัท อะแวค์ กรีน เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
(Averte Green Technology (Thailand) Company Limited)
กิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท อะแวค์ โกลบอล จำกัด (สิงคโปร์) (Averte Global PTE Ltd.) ได้รับเกียรติลงนามโดย คุณรอย ฟง (Mr. Roy Fung) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) มีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน(Technology on Sustainable and Renewable Energy) โดยมีการตั้งเป้าสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทย เป็นจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับ โครงการพลังงานสีเขียว
2. บริษัท อะแวค์ อิเลกทริค วิเฮเคิล (ประเทศไทย) จำกัด
(Averte Electric Vehicle (Thailand) Company Limited)
กิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท อะแวค์ โกลบอล จำกัด (สิงคโปร์) (Averte Global PTE Ltd.) ได้รับเกียรติลงนามโดย คุณแคเรนซ์ แชน (Mr. Clarence Chan) กรรมการบริหาร (Executive Director) มีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต และจัดจำหน่าย Electric Motorbike หรือ จักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมาย ในการจำหน่าย Electric Motorbike จำนวน 2 ล้านคันภายในเวลา 3 ปี โดยเริ่มจากการนำเข้า และหลังจากนั้นจะเป็นการผลิตภายในประเทศในการนำเทคโนโลยีพัฒนาต่อยอด เพื่อการสร้างโรงงานผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าและส่งเสริมการสร้างงานด้านอาชีพ แห่งแรกในประเทศไทยในปี 2568 ที่จะถึงนี้
3. บริษัท เนเจอร์-อีไอพี ไบโอเทค กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
(Nature-EIP Biotech Group (Thailand) Co. Ltd)
กิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท เนเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอ-เทค จำกัด (ฮ่องกง) (Nature International Bio-Tech Company Limited) ได้รับเกียรติลงนามโดย คุณแมททิว แทง (Mr. Matthew Tang) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) โดยมีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจด้านการเกษตรแต่ตั้งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตร ที่เรียกว่า Agri-enzyme (อากริ - เอนไซม์) (Distribution and Production on agricultural Agri-enzyme products) เป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรในประเทศไทยสู่วัตถุประสงค์ความสำเร็จผลผลิตและบริหาร การจำหน่ายร่วมกัน แบบยั่งยืน รวมถึงการวิจัยและผลิตผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นอาหารทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค (Plant Base) ที่คิดค้นและวิจัยด้วยนวัตกรรมใหม่ โดยมุ่งเน้นทางด้านคุณภาพทางด้านโภชนาการและการเกษตรที่ยั่งยืน
4. บริษัท พาวิลเลี่ยน-อีไอพี พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด
(Pavilion-EIP Property (Thailand) Company Limited)
กิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท พาวิลเลี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ฮ่องกง) (Pavillion Property Ltd.) ได้รับเกียรติลงนามโดย คุณแอแลนด์ แลม (Mr. Alan Nam) ประธานบริษัท (Chairman) โดยมีจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยมุ่งเน้นทางด้านความล้ำสมัย ความบันเทิง และ สุขภาพ (Develop Trendy/Leisure/Wellness Theme-Based Properties)
โดยในพิธีลงนามความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างไทยและฮ่องกงในครั้งนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานนี้ ได้รับเกียรติจาก นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวันออก (EEC) และ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐอีกมากมาย ร่วมเป็นสักขีพยาน และแสดงความยินดีกับ บริษัท อี.ไอ.พี. (ประเทศไทย) จำกัด และต้อนรับ ผู้บริหารจากฮ่องกงอีกด้วย ซึ่งความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ นอกจากเป็นการขานรับนโยบาย จากภาครัฐในเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) ตามแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 แล้ว ยังถือเป็นก้าวใหม่ ที่สำคัญของการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยี ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนในองค์รวม ไม่ว่าจะเป็น ด้านทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม การพัฒนาผลผลิตและต่อยอดผลิตผลทางการเกษตรเพื่อการส่งออก การสร้างรายได้ และอาชีพให้กับประชากรไทย การต่อยอดพัฒนาความรู้ทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ