“บอนชอน” เผยยอดขายโตแกร่งตลอด 4 ปี พร้อมลุยปี 66 ลับคมส่ง 5 กลยุทธ์มัดใจลูกค้า ประเดิมดึง “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของบอนชอน ยืนหนึ่งร้านไก่ทอดเกาหลีในไทย
กรุงเทพฯ 23 มกราคม 2566 – บอนชอน เผยความสำเร็จภายใต้การบริหารของไมเนอร์ ฟู้ด โตต่อเนื่องตลอด 4 ปี ด้วยยอดขายที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปี 2566 พร้อมเดินหน้าส่ง 5 กลยุทธ์ รับสมรภูมิการแข่งขันของตลาดไก่ทอดที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งร้านไก่ทอดเกาหลีในไทย ได้แก่ 1.พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสไตล์เกาหลีที่เป็นเอกลักษณ์ฉบับบอนชอนที่ไม่เหมือนใคร 2.สร้างความแปลกใหม่ด้วยเมนูใหม่ ๆ และเปิดตัวขนาดใหม่ไซส์ XS เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น พร้อมโปรโมชันมัดใจลูกค้าตลอดปี 3.รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคผ่านทั้งหน้าร้าน สั่งกลับบ้าน และเดลิเวอรี 4.มุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ด้วยการเปิดตัว “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก และ 5.เดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น จากกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ เชื่อมั่นว่าจะทำให้บอนชอนสามารถเติบโตและเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็น 2 หลักในปี 2566
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ไมเนอร์ ฟู้ด (Minor Food) ได้เข้าลงทุนในธุรกิจของบอนชอนเมื่อปี 2562 เป็นต้นมา พบว่าผลการดำเนินงานของบอนชอนนับเป็นหนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของเครือไมเนอร์ ฟู้ด โดยเฉพาะในแง่ยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตโดดเด่นแม้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องด้วยตลาดไก่ทอดในไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจ และมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท เห็นได้จากธุรกิจที่ขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอันเป็นผลจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ของเกาหลี ผนวกกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มาสนับสนุน
“การเติบโตของบอนชอน ภายใต้การบริหารงานของไมเนอร์ ฟู้ด ตลอด 4 ปี ได้เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของไมเนอร์ ฟู้ด ในภาพรวมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในพาร์ทเดลิเวอรีที่ไมเนอร์ ฟู้ด ถือเป็นเจ้าตลาดด้านร้านอาหารที่ให้บริการดังกล่าว ดังนั้น เพื่อสานต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้นของบอนชอน นอกจากจุดแข็งด้านอาหารที่บอนชอนมีอยู่แล้ว ในปี 2566 ไมเนอร์ ฟู้ด จึงมุ่งความสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดส่ง รวมถึงการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งด้านความสะดวกรวดเร็ว การรักษาคุณภาพของอาหารระหว่างการจัดส่ง ในขณะเดียวกันก็ยังคงมุ่งสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าประทับใจที่ร้าน รวมถึงการสั่งกลับบ้าน ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย และเสริมสร้างศักยภาพของบอนชอน จึงมั่นใจว่าในอนาคต บอนชอนยังสามารถเติบโตในตลาดดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” นายธันยเชษฐ์ กล่าวสรุป
ด้าน นายธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สพูนฟูล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บอนชอน ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับปี 2565 ภาพรวมธุรกิจของบอนชอนมีการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีการเติบโตเป็น 2 หลัก ซึ่งปัจจัยความสำเร็จของบอนชอนมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การรักษามาตรฐานความอร่อยการเป็นร้านไก่ทอดเกาหลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ไปจนถึงกระบวนการผลิตที่รังสรรค์ออกมาให้ผู้บริโภคได้ลิ้มรสความอร่อยตามแบบฉบับบอนชอนแบบเน้น ๆ ในทุกคำที่รับประทาน จนทำให้ให้บอนชอนสามารถสร้างปรากฏการณ์ความนิยมในเมนูไก่ทอดเกาหลีตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน
นายธนกฤต กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2566 นี้ บอนชอน ได้วาง 5 กลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและศักยภาพของแบรนด์ในอนาคต ประกอบด้วย การรักษาเอกลักษณ์และมาตรฐานความอร่อยสไตล์เกาหลีแท้ ๆ ที่ไม่เหมือนใครในทุกเมนู ด้วยกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เช่น เมนูไก่ทอดเกาหลีซิกเนเจอร์ของบอนชอน ที่ทำมาจากซอสสูตรต้นตำรับนำเข้าจากประเทศเกาหลี ซึ่งผ่านการคิดค้นและพัฒนาสูตรกว่า 10 ปี และการคัดสรรวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารที่ร้านบอนชอน โดยเฉพาะในซอสสูตร Soy Garlic และซอสสูตร Hot ซึ่งเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากประเทศเกาหลีทั้งหมด ทั้งเกลือทะเลธรรมชาติคุณภาพสูงจากจังหวัด Jeolla ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก ช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้น้ำซอสได้เป็นอย่างดี หรือกระเทียมสายพันธุ์พิเศษ Dae-seo-jong ที่ให้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เสริมความอร่อยชวนติดใจไปอีกขึ้น รวมไปถึงวัตถุดิบพรีเมียมอื่น ๆ อีกกว่า 20 ชนิด ที่ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เพื่อให้ได้รสชาติความอร่อยเข้มข้นในแบบฉบับเกาหลีแท้ ๆ ตามมาด้วย การสร้างความแตกต่างเมนูใหม่ ๆ และเปิดตัวขนาดใหม่ ไซส์ XS รวมถึงโปรโมชันที่มีความหลากหลาย ครองใจผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดังนั้นบอนชอนจะมีการพัฒนาและคิดค้นเมนูใหม่ ๆ หรือซอสรสชาติพิเศษอยู่เสมอ เพื่อสร้างความแปลกใหม่และตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้บริโภค เช่น 100% Crispy Thin Crust ไก่ทอดแป้งบางกรอบ ที่ทาด้วยซอสสูตรลับเฉพาะ เมื่อทาลงบนไก่ทอดแป้งบางกรอบแล้ว ยังสามารถคงความกรอบได้ ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยการเปิดตัวขนาดใหม่ ไซส์ XS ในราคาเริ่มต้นเพียง 129 บาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น และการสื่อสารโปรโมชันที่หลากหลายเพื่อดึงดูดใจให้ผู้บริโภคมาใช้บริการร้านบอนชอนตลอดทั้งปีเพิ่มช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุม ทั้งในรูปแบบการรับประทานที่ร้าน การซื้อกลับไปทานที่บ้าน และที่สำคัญคือการสั่งอาหารอย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแผลตฟอร์มเดลิเวอรี รวมไปถึงการเจาะกลุ่มลูกค้าฐานใหม่ ๆ อย่างเช่น ร้าน Stand Alone ในปั๊มน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้บอนชอนยังเพิ่มประสบการณ์การมัดใจลูกค้าเพื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจำ ด้วยการ เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์เป็นครั้งแรก โดยได้ดึง “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นักแสดงและนักร้องมากความสามารถแถวหน้าของประเทศไทย มาช่วยสร้างความใกล้ชิดและขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่เป็น Gen Z ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทำให้เกิดการพูดถึงและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้างได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคาแร็กเตอร์ของไบร์ท-วชิรวิชญ์ ที่เป็นตัวแทนของความทันสมัย โดดเด่น และเข้าถึงง่าย มีความสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ บอนชอนจึงมีความมั่นใจว่า การตั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของบอนชอนในครั้งนี้ จะเป็นผลดีในแง่ของการส่งเสริมภาพลักษณ์และยอดขาย รวมไปถึงได้รับผลตอบรับในเชิงบวกจากผู้บริโภค ควบคู่ไปกับขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการ เดินหน้าสร้างการเติบโตผ่านการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยภายในปี 2566 บอนชอน ได้ตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ตอกย้ำการเป็นผู้นำแบรนด์ไก่ทอดเกาหลีอันดับ 1 ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย” นายธนกฤต กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bonchonthailand Instagram: @BonChonThailand และ Twitter @BonChonThailand หรือเว็บไซต์ www.bonchonthailand.com