เมื่อ : 23 พ.ย. 2565 , 272 Views
ศูนย์ข้อมูลสีเขียว สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศ

ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคประจำปี 2565 ท่ามกลางความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้มีการหารือกันในการช่วยให้ภูมิภาคกลับมามีความสมดุล โดยมี “วาระ เรื่อง โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG) เป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนการประชุม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เปราะบางที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย กำลังพยายามรักษาความสมดุลระหว่างความสามารถทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ที่จะทำให้ประเทศเติบโตต่อไปในอนาคต

 

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่บูรณาการในทุกด้านของสังคม ได้ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และหลายฝ่ายได้ตระหนักว่าหนทางเดียวที่จะสนับสนุนเป้าหมาย ประเทศไทย 4.0 ได้คือ ความอย่างยั่งยืน หลายกลุ่มอุตสาหกรรมค่อยๆ ’มุ่งสู่สีเขียว หรือ Go Green’ ทั้งในด้านการเงิน การขนส่ง ด้วยการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (EV) มาตรฐานโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม... ขณะนี้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งก็คือ ข้อมูล

ประเทศไทยเป็นผู้นำ ไม่เพียงแต่การมีศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคสำหรับบริการโคโลเคชั่นและคลาวด์เท่านั้น แต่ยังมีศูนย์ข้อมูลที่ผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เองอีกด้วย ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทชั้นนำของไทยและ Switch ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบนิเวศและการออกแบบศูนย์ข้อมูล ให้บริการโคโลเคชั่นและคลาวด์ระดับเทียร์ IV และเป็นศูนย์ข้อมูลเพียงแห่งเดียวในประเทศที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์ฟาร์มเพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสีเขียวของภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาวของประเทศไทยด้วย

 

ทุก ๆ ปี ปริมาณและมูลค่าของข้อมูลที่ถูกสร้างและรวบรวมโดยองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจากผู้คนตระหนักถึงคุณค่าเชิงกลยุทธ์นี้ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจ ยิ่งมีการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลมากเท่าใด ธุรกิจก็ยิ่งได้รับความรู้ โอกาส และความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกัน ข้อมูลที่มากขึ้นก็ต้องการพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่ขึ้นและพลังงานที่ใช้มากขึ้นในการจัดเก็บ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะมาจากพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข จะไม่เพียงแต่นำไปสู่การเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ความผันผวนด้านราคาอีกด้วย ค่าไฟฟ้ามีการปรับราคาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อันเป็นผลมาจากความท้าทายทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจไทยกำลังมองหาศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัย ปรับขนาดได้ ยืดหยุ่นได้ และยั่งยืน เพื่อให้เข้าถึงศักยภาพของข้อมูลและช่วยลดต้นทุนด้วย

 

“ในฐานะผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) สู่การใช้พลังงานหมุนเวียนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ตอกย้ำตำแหน่งในฐานะเป็นศูนย์ข้อมูลเชิงพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศ การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในนามของลูกค้าโคโลเคชั่นและคลาวด์ของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาพลังงานอีกด้วย แม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้ แต่พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากแผงโซลาร์เซลล์มีราคาถูกกว่าค่าไฟฟ้าอย่างมาก ทำให้ค่าไฟฟ้าของเราต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และท้ายที่สุดจะช่วยสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้าด้วยบริการที่มีความปลอดภัยสูง ปรับขนาดได้ ยืดหยุ่นได้ และมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีดิจิทัลที่ยั่งยืน” นายแยป จิน ยี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) กล่าว

 

ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ร่วมมือกับ ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHA) ผู้ให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงานชั้นนำของประเทศ เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์ฟาร์ม ด้วยความเป็นผู้นำของ WHA ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีก้าวหน้าสูงสุดมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าด้านความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว

 

เศรษฐกิจของประเทศไทยจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สุดและขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การค้าปลีก การแพทย์ การผลิต หรือการท่องเที่ยว เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มีศักยภาพในการกำหนดอนาคตในรูปแบบใหม่ที่คาดไม่ถึง ธุรกิจและผู้คนต้องเชื่อมั่นในอนาคต การเปิดรับความยั่งยืนเป็นเรื่องเร่งด่วน และการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มทันที

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ