“แม็คโคร” ผนึก สสว. ยกระดับผู้ประกอบการไทย สู่ SMART SMEs ร่วมพัฒนาองค์ความรู้ในทุกมิติและสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เป็นประตูเชื่อมการค้า พาเอสเอ็มอีไทยลุยตลาดโลก
เมื่อ : 20 ธ.ค. 2564 ,
1014 Views
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ผนึก สสว. ร่วมลงนาม MOU ปั้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย พัฒนาองค์ความรู้ด้านการผลิตและการตลาด พร้อมใช้เทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพการแข่งขันยกระดับสู่ SMART SMEs ผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” พาเอสเอ็มอีไทยลุยตลาดต่างประเทศ
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากและมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตลอดระยะการดำเนินธุรกิจมากว่า 32 ปี ‘แม็คโคร’ ได้จัดทำโครงการการสนับสนุน SMEs และเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การเข้าถึงช่องทางจำหน่ายสินค้า เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย ส่งเสริมสภาพคล่อง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs วางจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายสาขาของแม็คโครภายในประเทศ 140 สาขา และในกัมพูชาและเมียนมา การดำเนินโครงการแม็คโคร มิตรแท้โชห่วยและแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการเพิ่มรายได้และพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโครเกือบ 2,000 ราย รวมถึงมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) รวม 500,000 ราย และผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจจัดเลี้ยงและโรงแรม (โฮเรก้า) รวม 300,000 รายที่เป็นลูกค้าของแม็คโคร
ทั้งนี้ แม็คโครเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเผชิญความยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการเปลี่ยนผ่านของโลกเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิดช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งแม็คโครมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Makro Click ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบไร้รอยต่อแก่ผู้บริโภคและเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าแก่ผู้ประกอบการ SMEs อีกด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังการรับโอนกิจการโลตัส แม็คโครมุ่งมั่นที่จะสร้าง “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการสนับสนุน 4 ส่วนหลัก ได้แก่ การพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อขยายการจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย สามารถเปิดตลาดไปยังผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงผ่านเครือข่ายสาขาแม็คโครที่มีแผนลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต ขณะเดียวกัน จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มความสามารถการแข่งขันและยกระดับผู้ผลิตสินค้ารายย่อยสู่การเป็น ‘Smart SMEs’ พร้อมสนับสนุนการเชื่อมต่อกับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องรองรับการขยายธุรกิจและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนอื่นเพื่อพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง
นายริคาร์โด้ เบอรอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า แม็คโครจะร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย ให้มีความเข้มแข็งสามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อมทางการตลาดของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุด แม็คโครได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถและการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ SMEs รวมถึงการให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ และมีกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ แม็คโครพร้อมให้ความร่วมมือกับ สสว. ถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การตลาด การผลิต และที่สำคัญ จะทำหน้าที่เชื่อมโยง กระจายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมถึงให้ความร่วมมือในการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ซึ่งจะมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้เติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 3 ล้านรายและเป็นภาคธุรกิจที่มีการจ้างแรงงานมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และต้องการได้รับความช่วยเหลือ
ดังนั้น สสว. จึงได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยได้ร่วมกับแม็คโครซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีศักยภาพและให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs อย่างต่อเนื่อง ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกการค้ายุคใหม่และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในระดับสากล
“ที่ผ่านมา สสว.ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชนหลายแห่ง เพื่อเป็นการเอื้อ ต่อธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการ โดยเป็นไปตามกรอบการดำเนินงานของ สสว. คือ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขยายช่องทางการตลาดและเชื่อมโยงแหล่งทุน” นายวีระพงศ์ ระบุ
ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ เป็นการลงนามความร่วมร่วมมือระหว่าง สสว. และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือแม็คโคร ซึ่ง สสว. คาดว่า นี่คือหนึ่งในรูปธรรมการเชื่อมโยงพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นทิศทางการดำเนินการเพื่อผู้ประกอบการ โดย สสว. จะใช้เครื่องมือต่างๆ ของ สสว. ในการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเอสเอ็มอีให้มากที่สุด
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากและมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตลอดระยะการดำเนินธุรกิจมากว่า 32 ปี ‘แม็คโคร’ ได้จัดทำโครงการการสนับสนุน SMEs และเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การเข้าถึงช่องทางจำหน่ายสินค้า เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย ส่งเสริมสภาพคล่อง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs วางจำหน่ายสินค้าผ่านเครือข่ายสาขาของแม็คโครภายในประเทศ 140 สาขา และในกัมพูชาและเมียนมา การดำเนินโครงการแม็คโคร มิตรแท้โชห่วยและแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี เพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการเพิ่มรายได้และพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโครเกือบ 2,000 ราย รวมถึงมีผู้ประกอบการ SMEs ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) รวม 500,000 ราย และผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจจัดเลี้ยงและโรงแรม (โฮเรก้า) รวม 300,000 รายที่เป็นลูกค้าของแม็คโคร
ทั้งนี้ แม็คโครเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเผชิญความยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการเปลี่ยนผ่านของโลกเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิดช่องทางการจำหน่ายรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งแม็คโครมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Makro Click ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบไร้รอยต่อแก่ผู้บริโภคและเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าแก่ผู้ประกอบการ SMEs อีกด้วย
นอกจากนี้ ภายหลังการรับโอนกิจการโลตัส แม็คโครมุ่งมั่นที่จะสร้าง “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการสนับสนุน 4 ส่วนหลัก ได้แก่ การพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อขยายการจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย สามารถเปิดตลาดไปยังผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงผ่านเครือข่ายสาขาแม็คโครที่มีแผนลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต ขณะเดียวกัน จะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มความสามารถการแข่งขันและยกระดับผู้ผลิตสินค้ารายย่อยสู่การเป็น ‘Smart SMEs’ พร้อมสนับสนุนการเชื่อมต่อกับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องรองรับการขยายธุรกิจและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนอื่นเพื่อพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง
นายริคาร์โด้ เบอรอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า แม็คโครจะร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย ให้มีความเข้มแข็งสามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อมทางการตลาดของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุด แม็คโครได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถและการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ SMEs รวมถึงการให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ และมีกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ แม็คโครพร้อมให้ความร่วมมือกับ สสว. ถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การตลาด การผลิต และที่สำคัญ จะทำหน้าที่เชื่อมโยง กระจายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมถึงให้ความร่วมมือในการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ซึ่งจะมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้เติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 3 ล้านรายและเป็นภาคธุรกิจที่มีการจ้างแรงงานมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และต้องการได้รับความช่วยเหลือ
ดังนั้น สสว. จึงได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยได้ร่วมกับแม็คโครซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีศักยภาพและให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs อย่างต่อเนื่อง ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกการค้ายุคใหม่และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในระดับสากล
“ที่ผ่านมา สสว.ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชนหลายแห่ง เพื่อเป็นการเอื้อ ต่อธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการ โดยเป็นไปตามกรอบการดำเนินงานของ สสว. คือ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขยายช่องทางการตลาดและเชื่อมโยงแหล่งทุน” นายวีระพงศ์ ระบุ
ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ เป็นการลงนามความร่วมร่วมมือระหว่าง สสว. และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือแม็คโคร ซึ่ง สสว. คาดว่า นี่คือหนึ่งในรูปธรรมการเชื่อมโยงพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นทิศทางการดำเนินการเพื่อผู้ประกอบการ โดย สสว. จะใช้เครื่องมือต่างๆ ของ สสว. ในการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเอสเอ็มอีให้มากที่สุด