ก้าวสู่วัยทองอย่างมั่นใจ กับความเข้าใจแบบแพทย์แผนจีน
เมื่อ : 14 ธ.ค. 2564 ,
1042 Views
เมื่อผู้หญิงเริ่มมีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนตามธรรมชาติ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก หงุดหงิดเหวี่ยงง่าย นอนไม่ค่อยหลับ ช่องคลอดแสบแห้ง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง อาการเหล่านี้เรียกว่า “ช่วงวัยทอง”
แพทย์จีนเชน ปรีชาวณิชวงศ์ แพทย์แผนจีนประจำหยินหยางคลินิก เปิดเผยว่า ”หลายๆ คน มีความเข้าใจว่า วัยทองคือ ช่วงวัยที่หมดประจำเดือนแล้ว แต่ในความเป็นจริง ภาวะวัยทองนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนหมดประจำเดือน โดยจะมีอาการที่นำมาก่อนคือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ อาจจะทิ้งช่วงไป 3-4 เดือนก่อนกลับมามีประจำเดือนอีกครั้งก็ได้ หรือปริมาณเลือดประจำเดือนมากขึ้นหรือน้อยลง บางท่านประจำเดือนมาต่อเนื่องและมามากเป็นเดือน หากประจำเดือนไม่มาเป็นเวลา 1 ปีเต็มเราจึงจะถือว่าเป็นภาวะหมดประจำเดือนโดยสมบูรณ์
วัยทองเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้หญิงและผู้ชายทุกคนต้องเจอ เพียงแต่ฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลงอย่างฉับพลัน อาการจึงแสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่ฮอร์โมนเพศชายจะค่อยๆ ลด จึงสังเกตอาการไม่ค่อยออก แม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถที่จะผ่านช่วงวัยทองไปได้อย่างสุขสบายตามอัตภาพ
การรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีทั้งการให้ฮอร์โมนทดแทน รวมถึงวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งสามารถจะลดอาการต่างๆ ของวัยทองได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะฮอร์โมน แต่มีรายงานการวิจัยว่า การกินฮอร์โมนทดแทนเพื่อรักษาอาการวัยทองนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม และเนื้องอกต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งแพทย์จะตรวจร่างกายของคุณก่อนว่ามีความเสี่ยงจากการทานฮอร์โมนหรือไม่
ทุกวันนี้ยังมีบทความการวิจัยต่างๆ มากมายว่า อาหารมีส่วนช่วยเรื่องวัยทองได้ อาทิ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองที่มีไฟโตเอสโตรเจนหรือเอสโตรเจนจากพืช มาช่วยชดเชยฮอร์โมนที่ขาดหาย นมไขมันต่ำที่เอามาช่วยเติมเต็มแคลเซี่ยมที่ลดลง ป้องกันกระดูกพรุน รวมถึงสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น เครื่องดื่มมีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด ซึ่งบางท่านจะรู้สึกได้ว่าหากทานเข้าไปแล้ว อาการร้อนวูบวาบมักจะรุนแรงขึ้น อีกทั้งคาเฟอีนยังทำให้การดูดซึมแคลเซี่ยมไม่ดีด้วย จึงยิ่งแย่ต่อโรคกระดูกพรุนในวัยทองเข้าไปใหญ่
แพทย์แผนจีนมองว่าเมื่อผู้หญิงอายุขึ้น 35 ปี พลังที่ไตซึ่งคอยควบคุมระบบสืบพันธ์ ก็จะเริ่มน้อยลงตามธรรมชาติ ไตนั้นเป็นอวัยวะของธาตุน้ำ เมื่อพลังไตน้อยลง ธาตุน้ำในร่างกายก็จะน้อยตามไปด้วย พอน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ ธาตุไฟพอเผาผลาญลุกโชนจึงเกิดเป็นอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก หากไฟไปเผาที่ใจก็จะหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ธาตุน้ำไม่พอจึงทำให้ช่องคลอดแสบแห้ง
นอกจากนั้น ไตยังเป็นอวัยวะที่ดูแลเรื่องกระดูก พอไตพร่องลง กระดูกจะเปราะบาง ส่งผลให้เป็นโรคกระดูกพรุนนั่นเอง จะเห็นได้ว่าอาการในช่วงวัยทองต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ล้วนแต่สัมพันธ์กับอวัยวะไตเป็นหลัก และธาตุน้ำที่กล่าวมานี้ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยน้ำที่เราดื่มเข้าไป
วิธีการรักษา แพทย์จีนจึงใช้ยาสมุนไพรจีนและการฝังเข็มเพื่อบำรุงธาตุน้ำที่ไต ขณะเดียวกันก็ลดธาตุไฟที่หัวใจลง เมื่อน้ำกับไฟในร่างกายเกิดความสมดุลแล้ว อาการต่างๆ จะหายไปในที่สุดโดยที่ไม่ต้องรับฮอร์โมนทดแทน และสามารถใช้ชีวิตในช่วงวัยทองได้อย่างมีคุณภาพ
ในตำราแพทย์จีน มีเมนูอาหารชนิดหนึ่งที่เอาไว้รักษาอาการหงุดหงิด กระวนกระวายในช่วงวัยทอง เรียกว่า甘麦大枣汤 (กันม่ายต้าจ่าวทัง) มีส่วนผสมอยู่เพียง 3 อย่าง คือ ข้าวสาลี 30 กรัม ชะเอมเทศ 6 กรัม และพุทราจีน 20 กรัม นำวัตถุดิบทั้ง 3 ชนิดมาใส่น้ำต้มๆ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที โดยจะทานเป็นข้าวต้มหรือทานเฉพาะน้ำได้ตามใจชอบ ตำรับนี้มีสรรพคุณทำให้จิตใจสงบ บำรุงเลือดและลมปราณได้ แถมยังมีรสชาติหวานกลมกล่อมทานง่ายอีกด้วย”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 094-794-6006 หรือเข้าเยี่ยมชม Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/chenyinyangclinic ที่ตั้งคลินิก หยินหยางคลินิก 999/1-2 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230
แพทย์จีนเชน ปรีชาวณิชวงศ์ แพทย์แผนจีนประจำหยินหยางคลินิก เปิดเผยว่า ”หลายๆ คน มีความเข้าใจว่า วัยทองคือ ช่วงวัยที่หมดประจำเดือนแล้ว แต่ในความเป็นจริง ภาวะวัยทองนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนหมดประจำเดือน โดยจะมีอาการที่นำมาก่อนคือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ อาจจะทิ้งช่วงไป 3-4 เดือนก่อนกลับมามีประจำเดือนอีกครั้งก็ได้ หรือปริมาณเลือดประจำเดือนมากขึ้นหรือน้อยลง บางท่านประจำเดือนมาต่อเนื่องและมามากเป็นเดือน หากประจำเดือนไม่มาเป็นเวลา 1 ปีเต็มเราจึงจะถือว่าเป็นภาวะหมดประจำเดือนโดยสมบูรณ์
วัยทองเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้หญิงและผู้ชายทุกคนต้องเจอ เพียงแต่ฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลงอย่างฉับพลัน อาการจึงแสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่ฮอร์โมนเพศชายจะค่อยๆ ลด จึงสังเกตอาการไม่ค่อยออก แม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถที่จะผ่านช่วงวัยทองไปได้อย่างสุขสบายตามอัตภาพ
การรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีทั้งการให้ฮอร์โมนทดแทน รวมถึงวิตามินและอาหารเสริมต่างๆ ซึ่งสามารถจะลดอาการต่างๆ ของวัยทองได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะฮอร์โมน แต่มีรายงานการวิจัยว่า การกินฮอร์โมนทดแทนเพื่อรักษาอาการวัยทองนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม และเนื้องอกต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งแพทย์จะตรวจร่างกายของคุณก่อนว่ามีความเสี่ยงจากการทานฮอร์โมนหรือไม่
ทุกวันนี้ยังมีบทความการวิจัยต่างๆ มากมายว่า อาหารมีส่วนช่วยเรื่องวัยทองได้ อาทิ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองที่มีไฟโตเอสโตรเจนหรือเอสโตรเจนจากพืช มาช่วยชดเชยฮอร์โมนที่ขาดหาย นมไขมันต่ำที่เอามาช่วยเติมเต็มแคลเซี่ยมที่ลดลง ป้องกันกระดูกพรุน รวมถึงสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น เครื่องดื่มมีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด ซึ่งบางท่านจะรู้สึกได้ว่าหากทานเข้าไปแล้ว อาการร้อนวูบวาบมักจะรุนแรงขึ้น อีกทั้งคาเฟอีนยังทำให้การดูดซึมแคลเซี่ยมไม่ดีด้วย จึงยิ่งแย่ต่อโรคกระดูกพรุนในวัยทองเข้าไปใหญ่
แพทย์แผนจีนมองว่าเมื่อผู้หญิงอายุขึ้น 35 ปี พลังที่ไตซึ่งคอยควบคุมระบบสืบพันธ์ ก็จะเริ่มน้อยลงตามธรรมชาติ ไตนั้นเป็นอวัยวะของธาตุน้ำ เมื่อพลังไตน้อยลง ธาตุน้ำในร่างกายก็จะน้อยตามไปด้วย พอน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ ธาตุไฟพอเผาผลาญลุกโชนจึงเกิดเป็นอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก หากไฟไปเผาที่ใจก็จะหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ธาตุน้ำไม่พอจึงทำให้ช่องคลอดแสบแห้ง
นอกจากนั้น ไตยังเป็นอวัยวะที่ดูแลเรื่องกระดูก พอไตพร่องลง กระดูกจะเปราะบาง ส่งผลให้เป็นโรคกระดูกพรุนนั่นเอง จะเห็นได้ว่าอาการในช่วงวัยทองต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ล้วนแต่สัมพันธ์กับอวัยวะไตเป็นหลัก และธาตุน้ำที่กล่าวมานี้ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยน้ำที่เราดื่มเข้าไป
วิธีการรักษา แพทย์จีนจึงใช้ยาสมุนไพรจีนและการฝังเข็มเพื่อบำรุงธาตุน้ำที่ไต ขณะเดียวกันก็ลดธาตุไฟที่หัวใจลง เมื่อน้ำกับไฟในร่างกายเกิดความสมดุลแล้ว อาการต่างๆ จะหายไปในที่สุดโดยที่ไม่ต้องรับฮอร์โมนทดแทน และสามารถใช้ชีวิตในช่วงวัยทองได้อย่างมีคุณภาพ
ในตำราแพทย์จีน มีเมนูอาหารชนิดหนึ่งที่เอาไว้รักษาอาการหงุดหงิด กระวนกระวายในช่วงวัยทอง เรียกว่า甘麦大枣汤 (กันม่ายต้าจ่าวทัง) มีส่วนผสมอยู่เพียง 3 อย่าง คือ ข้าวสาลี 30 กรัม ชะเอมเทศ 6 กรัม และพุทราจีน 20 กรัม นำวัตถุดิบทั้ง 3 ชนิดมาใส่น้ำต้มๆ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที โดยจะทานเป็นข้าวต้มหรือทานเฉพาะน้ำได้ตามใจชอบ ตำรับนี้มีสรรพคุณทำให้จิตใจสงบ บำรุงเลือดและลมปราณได้ แถมยังมีรสชาติหวานกลมกล่อมทานง่ายอีกด้วย”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 094-794-6006 หรือเข้าเยี่ยมชม Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/chenyinyangclinic ที่ตั้งคลินิก หยินหยางคลินิก 999/1-2 ถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230