เชลล์เดินหน้าขับเคลื่อนสู่ธุรกิจพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ขานรับผลประชุม COP26 และสนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทย
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 13 ธันวาคม 2564 : บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการภายในพ.ศ. 2593 ด้วยการขับเคลื่อนผ่านบทบาทที่สำคัญ 3 ด้านคือ 1) ในฐานะของผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน เชลล์ทำการจัดหาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนลดลงมาจำหน่ายให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปด้วยกัน 2) ในฐานะของผู้ใช้พลังงาน เรามุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ตลอดกระบวนการดำเนินงานทั้งหมด และ 3) ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่วางใจได้ เราทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาสังคม เพื่อช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน
นอกจากนี้การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การประชุม Climate Action Leaders Forum 2021 นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “Powering Progress” ของเชลล์ อันเป็นการสนับสนุนข้อตกลงร่วมกันของนานาประเทศในการประชุม COP26 ซึ่งมีเป้าหมายในการชะลอการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มุ่งรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากไปกว่า 1.5 – 2.0 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) อีกทั้งยังสอดคล้องกับคำประกาศของรัฐบาลไทยในการประชุม COP26 ที่มุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายใน พ.ศ. 2608
ตลอดระยะเวลาที่เชลล์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก เราได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประเทศตามยุทธศาสตร์หลักของภาครัฐ เพื่อยืนยันการมุ่งเป็น “Trusted Partner for Better Life” พันธมิตรที่วางใจได้
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ
ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์ประเทศไทยได้ดำเนินธุรกิจโดยนำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลกมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยการผสานกลยุทธ์ สัดส่วนธุรกิจ และความมุ่งมั่นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ภายใต้เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ Powering Progress โดยริเริ่มและดำเนินโครงการต่างๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพต่อผู้ขับขี่ ลูกค้า พันธมิตรของเชลล์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เชลล์ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการส่งมอบพลังงานสะอาดรูปแบบต่างๆ และพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เสมอ โดยเชลล์ประเทศไทยได้รับเลือกให้เปิดตัวสถานีต้นแบบ Site of the Future เป็นประเทศแรก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานชีวภาพและพลังงานอื่นๆ ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นสถานีบริการแห่งแรกของเชลล์ที่ให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Shell Recharge เพื่อรองรับความต้องการจุดชาร์จอีวีในสถานีบริการ
สถานีต้นแบบ Site of the Future
นอกจากนี้เชลล์ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก คิดค้นเทคโนโลยีและนำนวัตกรรมมาใช้ให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึง การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ การนำเทคโนโลยีไดนาเฟล็กซ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง อาทิเช่น น้ำมันฟิวเซฟดีเซล ซึ่งช่วยให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดเขม่าไอเสีย อันเป็นสาเหตุของการเกิดควันดำและมลพิษในอากาศ การเปิดตัวพลังงานทางเลือกใหม่ในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ได้แก่ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด พรีเมี่ยม เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W สูตรใหม่ คาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral) ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเพียวพลัส (PurePlus Technology) และนวัตกรรมยางมะตอยใหม่ล่าสุด Shell Bitumen FreshAir ที่ช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดจนฝุ่นละอองที่เกิดจากการผสมยางมะตอยในขั้นตอนการผลิตและระหว่างการปูผิวทางได้ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับการใช้ยางมะตอยทั่วไป ซึ่งเชลล์คือผู้ผลิตยางมะตอยรายแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศ
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Shell Recharge
ในส่วนของผู้ใช้พลังงาน เรามุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการทำงานของเรา เพื่อลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานภายในสถานีบริการ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมัน การใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ รวมถึงติดตั้งหลอดไฟแอลอีดีทั้งสถานี ตลอดจนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนกับระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นระบบจัดการน้ำและของเสียในห้องน้ำ ช่วยให้ใช้งานน้ำได้อย่างคุ้มค่า และมีระบบบำบัดน้ำเสีย แยกกากของเสียไปทำปุ๋ยหมัก ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นและแหล่งสะสมเชื้อโรค
การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคารสำนักงาน และบริเวณที่จอดรถ
นอกจากนี้ในส่วนของอาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคารและบริเวณที่จอดรถ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดใช้ได้เองถึง 40% ของปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมของอาคาร ทำให้สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงประมาณ 560 ตันต่อปีเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 25,454 ต้น[1]
การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ
ไม่เพียงเท่านั้น เชลล์ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปพร้อมกัน ตลอดจนการนำแนวคิด Nature-Based Solutions (NBS) ซึ่งเป็นการกักเก็บคาร์บอนจากการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปด้วยเช่นกัน
ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมุ่งมั่นตลอดกระบวนการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดจนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม Climate Action Leaders Forum 2021เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อันเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของเชลล์สู่การเป็น “Trusted Partner for Better Life”