เต็ดตรา แพ้ค เผยแนวทางการลงมือปฎิบัติเพื่อมุ่งสู่การปฎิรูประบบอาหาร
เปิดตัวแผนงานแบบครอบคลุมภายหลังวันอาหาร การเกษตร และน้ำครั้งแรกของ COP28
กรุงเทพฯ ประเทศไทย (14ธันวาคม 2566) – เต็ดตรา แพ้ค ประกาศแนวทางการลงมือปฎิบัติที่ครอบคลุมในการขับเคลื่อนการปฎิรูประบบอาหารที่มีความปลอดภัย ยั่งยืน และยืดหยุ่นมากขึ้น[1] ผ่านบทบาทผู้นำในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์เพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นับเป็นการต่อยอดการเป็นผู้นำของบริษัทในคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมระดับโลก (Global Dairy Processing Task Force) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มด้านสภาพภูมิอากาศ ’Pathways to Dairy Net Zero’ โดยมุ่งเป้าในการสำรวจระบบและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม
[1] คำจำกัดความ: ระบบอาหารคือ ระบบที่ครอบคลุมองค์ประกอบทั้งหมด (สิ่งแวดล้อม ผู้คน ปัจจัยการผลิต กระบวนการ โครงสร้างพื้นฐาน สถาบัน ตลาด และการค้า) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การแปรรูป การจำหน่ายและการตลาด การจัดเตรียมและการบริโภคอาหาร และผลผลิตจากกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่มา: คณะทำงานระดับสูงด้านความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการโลก (HLTF) (un.org)
ชาร์ลส์ แบรนด์ รองประธานบริหารฝ่ายโซลูชันและเครื่องจักรในกระบวนการผลิต ของเต็ดตรา แพ้ค ให้ความเห็นว่า “การปฎิรูประบบอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างอนาคตที่มีศักยภาพ ทุกวันนี้ ระบบดังกล่าวนับว่ายังขาดประสิทธิภาพและไม่มีความยั่งยืน ทั้งยังมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสาม (34%) ทั่วโลก[1] และในขณะเดียวกัน หนึ่งในสามของอาหารที่ผลิตออกมายังคงสูญเปล่าหรือเหลือทิ้ง[2] นอกจากนี้ ระบบอาหารยังไม่ครอบคลุมความต้องการของผู้คน โดย 9% ของประชากรทั่วโลกต้องเผชิญกับความหิวโหย[3] และ 30% กำลังประสบกับการขาดแคลนอาหาร[4] ยิ่งไปกว่านั้น ห่วงโซ่คุณค่าทางอาหารยังเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการทำลายป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีการประเมินว่าอุตสาหกรรมนี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เป็นอันดับสองรองจากเรื่องพลังงาน ปัญหาเรื่องอาหารไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถมองข้ามไปได้ เราจึงต้องปรับเปลี่ยนระบบเหล่านี้เพื่อรับรองถึงความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และความยั่งยืนที่มากขึ้น”
เต็ดตรา แพ้ค ได้กำหนดแนวทางสำคัญ 4 ประการ ในการเร่งการปฎิรูประบบอาหาร และบริษัทยังได้จัดทำแผนงานและเป้าหมายที่วัดผลได้ในแต่ละแนวทางของการลงมือปฎิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับการปฎิรูปด้านอาหารที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้ที่ดินที่ Food and Land Use Coalition ได้เสนอไว้[5] ดังนี้
- สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ผลิตภัณฑ์นมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น[6] ด้วยการจัดการผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม พร้อมกับสนับสนุนผลผลิต การสร้างผลกำไร และความเป็นอยู่ของเกษตรกรรายย่อย
- สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ได้แหล่งอาหารใหม่ ๆ อาทิ โดยสร้างความหลากหลายด้วยแหล่งโปรตีนทางเลือก เพื่อมาเป็นส่วนเสริมของนมและแหล่งโปรตีนจากสัตว์อื่นๆ
[1] อาหารธรรมชาติ (vol 2 no- 198-209). คริปปา และคณะ. (2564): “ระบบอาหารคิดเป็นหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการกระทำของมนุษย์”. https://www.nature.com/articles/s43016-021-00225-9
[2] https://www.wfp.org/stories/5-facts-about-food-waste-and-hunger#:~:text=One-third of food producedworth approximately US$1 trillion
[3] องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ. สถานะความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการในโลก. https://www.fao.org/3/cc3017en/cc3017en.pdf (2566).
[4] องค์การอนามัยโลก. ภาวะทุพโภชนาการ. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/malnutrition
[5] Food and Land Use Coalition | World Resources Institute (wri.org)
[6] คำจำกัดความ: ผลิตภัณฑ์นมที่มีความยั่งยืนหมายถึง อุตสาหกรรมนมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงผ่านการนำเทคโนโลยี เครื่องมือ และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ในการผลิตและการแปรรูป เพื่อปกป้องความมั่นคงทางโภชนาการและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนนับพันล้านทั่วโลกไปพร้อมกับสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับเราทุกคน https://globaldairyplatform.com/sustainability