เอมิเรตส์นำร่องอนาคตการบินยั่งยืน เปิดเที่ยวบินแรกจากดูไบที่ใช้เชื้อเพลิง SAF เต็มรูปแบบ
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 10 พฤศจิกายน 2566 – เที่ยวบินแรกของเอมิเรตส์ที่ใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (Sustainable aviation fuel: SAF) ซึ่งให้บริการโดย Shell Aviation (เชลล์) ได้ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติดูไบ (DXB) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเที่ยวบิน EK 412 ของเอมิเรตส์มุ่งหน้าสู่ซิดนีย์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาก ซึ่งเป็นเที่ยวบินแรก ๆ ของโลกที่ปฏิบัติการด้วย SAF
เชลล์ได้จัดส่ง SAF แบบผสมจำนวน 315000 แกลลอนเพื่อใช้ที่ศูนย์กลางของสายการบินเอมิเรตส์ในดูไบ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการจัดหา SAF ให้กับเอมิเรตส์ในดูไบ ส่งผลให้สายการบินเอมิเรตส์สามารถขับเคลื่อนภารกิจการทดลองต่าง ๆ ได้มากมายในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
SAF แบบผสมที่เชลล์จัดส่งให้กับระบบเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินดูไบประกอบด้วยอัตราส่วน SAF 40% และเชื้อเพลิง Jet A-1 60% โดยคุณลักษณะทางเคมีในอัตราส่วนดังกล่าวเหมือนกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไปและสามารถรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของเชื้อเพลิงของสนามบินที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น รวมถึงในเครื่องยนต์ของฝูงบินของสายการบินเอมิเรตส์ทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องดัดแปลงใด ๆ
ทั้งนี้ SAF จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80%* ตลอดอายุการใช้งานเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไป นอกจากนี้ สายการบินเอมิเรตส์ยังได้ติดตามการส่งมอบ การใช้งาน และผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ SAF ผ่านทาง Avelia ซึ่งเป็นโซลูชันการจองและการเคลมที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชนของ Shell Aviation**
เซอร์ ทิม คลาร์ก ประธานสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า “เรากำลังผลักดันมาตรการเชิงรุกเพื่อให้การบินมีความยั่งยืนมากขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งการขับเคลื่อนเที่ยวบินจากศูนย์กลางในดูไบของเราเป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนที่เราดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้ลูกค้าของเราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม เรายังมีเส้นทางอีกยาวไกลข้างหน้า และเราหวังว่าความร่วมมือของเรากับ Shell Aviation จะเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตอยากเข้ามาแก้ไขช่องว่างด้านอุปทานเป็นจำนวนมากขึ้น และทำให้ SAF พร้อมให้บริการในศูนย์กลางการบินหลัก ๆ เช่น ดูไบ รวมถึงจุดอื่น ๆ ในเครือข่ายของเราอีกด้วย”
ความพยายามอันยาวนานของเอมิเรตส์มีรากฐานมาจากการดำเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนสามประการได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และการอนุรักษ์สัตว์ป่าและแหล่งที่อยู่อาศัย โดยในปีนี้ เอมิเรตส์ได้ประกาศจัดตั้งกองทุนมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบของเชื้อเพลิงฟอสซิลในการบินพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการบินในด้านความยั่งยืน โดยในอีกสามปีข้างหน้า สายการบินเอมิเรตส์วางแผนที่จะผสานความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำที่ทำงานเกี่ยวกับโซลูชันด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงและพลังงานขั้นสูง เพื่อยกระดับการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน
สายการบินเอมิเรตส์ทำการบินสาธิตที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบ SAF 100% ครั้งแรกของภูมิภาคในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเอมิเรตส์ทุ่มเทการวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการใช้ SAF สำหรับการบิน ในส่วนผสมที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการสนับสนุนมาตรฐานและการรับรอง SAF 100% ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้ตามปกติในเชิงพาณิชย์
สายการบินเริ่มใช้เชื้อเพลิงที่มี่ส่วนผสมของ SAF เป็นครั้งแรกในปี 2560 ในเที่ยวบินจากชิคาโก และตั้งแต่นั้นมาเที่ยวบินจากสตอกโฮล์ม ปารีส ลียง และออสโล ก็ได้ดำเนินการด้วย SAF แบบผสมมาอย่างต่อเนื่อง
เอมิเรตส์มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมการบินและคณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อช่วยเสริมศักยภาพการผลิตและการจัดหาเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนต่อไป
รับชมวิดีโอเที่ยวบินแรกของเอมิเรตส์ด้วย SAF ได้ที่นี่
*เมื่อใช้เชื้อเพลง SAF เพียงอย่างเดียว (หรือแบบไม่ผสม) และคำนวณด้วยวิธีการประเมินวงจรการใช้งาน (LCA) ที่กำหนดไว้ เช่น วิธี CORSIA
**สโคป 3 รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท