รายงานเอคเซนเชอร์เผยธุรกิจธนาคารมีโอกาสเพิ่มรายได้อีกปีละ 4% จากการใช้โมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อแข่งขันกับผู้ให้บริการด้านดิจิทัลเพียงอย่างเดียว
เมื่อ : 30 พ.ย. 2564 ,
1059 Views
ธนาคารมีโอกาสการเพิ่มรายได้มากถึง 5.18 แสนล้านเหรียญภายในปี 2025
กรุงเทพฯ; 29 พฤศจิกายน 2564 — รายงานฉบับใหม่ของเอคเซนเชอร์ (NYSE: ACN) วิเคราะห์เจาะลึกด้านการปรับโมเดลธุรกิจและใช้กลยุทธ์แนวทางใหม่ที่ต่างจากเดิม เพื่อรับมือกับคู่แข่งใหม่ๆ ที่เข้าตลาดมาเพื่อให้บริการการเงินและการธนาคารด้านดิจิทัลเพียงอย่างเดียว การปรับตัวจะช่วยให้ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมสามารถเพิ่มรายได้ต่อปีได้อีกประมาณ 4% ดันรายได้ให้เพิ่มขึ้นเกินครึ่งล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
รายงานเรื่อง “The Future of Banking: It’s time for a change of perspective” มองอนาคตของธุรกิจ การธนาคารด้วยการวิเคราะห์โมเดลธุรกิจของธนาคารชั้นนำร่วม 100 แห่งที่ดำเนินธุรกิจในแบบเดิม และผู้ให้บริการแบบดิจิทัลอย่างเดียวกว่า 200 แห่งใน 11 ประเทศ ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และละตินอเมริกา โดยศึกษาบทบาทของกิจการเหล่านี้ในวงจรห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถแบ่งประเภทโมเดลธุรกิจออกมาได้ 2 รูปแบบ ดังนี้:
• ขยายตัวนอกระบบเชิงเส้น (non-linear) — โมเดลธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น “การจัดรวมสินค้าและบริการเป็นแพคเกจ (packager)” โดยประกอบคุณค่าใหม่ เพิ่มมูลค่าเข้าไปมากกว่าการจัดจำหน่าย และเป็นกิจการที่ผนวกคุณค่าเข้าไปให้ครอบคลุมถึงบริการจากภายนอกด้วย เช่น บริการ "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" โดยรวมไว้ที่จุดขายของผู้ขายเลย
รายงานฉบับนี้ได้ศึกษาวิเคราะห์ธนาคารชั้นนำหลายแห่งซึ่งมีโมเดลธุรกิจในลักษณะการขยายตัวแนวดิ่ง พบว่ากิจการที่ไม่นำผลิตภัณฑ์เดิมมารวมไว้ แต่ได้ผสานความร่วมมือกับกิจการอื่นเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่และนำเสนอได้ตรงใจลูกค้ารายบุคคล จะสามารถเติบโตเกินขีดจำกัดและมีมูลค่าสูงกว่าที่ตลาดประเมิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใช้โมเดลธุรกิจแบบขยายตัวนอกระบบเชิงเส้น ซ้อนไปบนโมเดลธุรกิจเดิมที่ขยายตัวในแนวดิ่ง จะยิ่งผลักดันการเติบโตของธุรกิจให้ขยายตัวได้อีก 3.8% ต่อปี ส่งผลให้รายรับรวมเพิ่มขึ้นได้อีก 5.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2025
นายวิชยา แซ่จาว กรรมการผู้จัดการ
กลุ่มธุรกิจงานบริการทางด้านการเงิน เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย
รายงานระบุว่าระหว่างปี 2018 ถึง 2020 ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลอย่างเดียว สามารถทำผลประกอบการได้ดีกว่าธนาคารแบบดั้งเดิมมาก โดยกิจการที่ใช้โมเดลการขยายตัวนอกระบบเชิงเส้น จะมีรายได้โตขึ้นเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ถึง 76% ขณะที่กิจการด้านดิจิทัลอื่นที่เดินตามโมเดลการขยายตัวแนวดิ่งแบบเดิม จะเติบโตเพียง 44% ส่วนธนาคารแบบดั้งเดิมที่ทำผลประกอบการดีที่สุดในตลาดที่โตเต็มที่แล้ว จะมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 2% ต่อปี แม้จะมีฐานธุรกิจที่ใหญ่กว่ามากก็ตาม
รายงานฉบับนี้ ได้ระบุถึงวิธีที่ธนาคารแบบดั้งเดิมจะสามารถนำจุดแข็งมาเสริมความแกร่งได้ ทั้งด้านงบดุล ความชำนาญในการบริหารความเสี่ยง และความคุ้นเคยกับกฎระเบียบต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโมเดลธุรกิจและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และที่สำคัญ ควรพิจารณานำโมเดลเหล่านี้มาใช้กับหนึ่งรูปแบบหรือผสมผสานกัน เช่น:
- • ขายเฉพาะผลิตภัณฑ์ของธนาคารและกำกับทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การผลิตไปจนถึง
การจัดจำหน่าย โดยมีปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนคุณค่าคือ การผนึกกำลังผ่าน M&A (การควบรวมกิจการ) และได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม
• สร้างระบบนิเวศที่มีการกระจายสินค้าเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินและ
การธนาคารของบริษัทอื่นๆ และสร้างตลาดเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการธนาคาร
• หาโอกาสการขยายตลาด โดยให้บริการด้านเทคโนโลยีหรือกระบวนการทางธุรกิจแก่บริษัทอื่นๆ
• สร้างสรรค์คุณค่าใหม่ โดยการสร้างหรือรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการย่อยเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งธนาคารหรือธุรกิจอื่นสามารถจัดจำหน่ายได้
ติดตามอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่
กลุ่มธุรกิจการให้บริการทางด้านการเงินและการธนาคารของเอคเซนเชอร์ มีบทบาทช่วยให้ธนาคารเพื่อการพาณิชย์และรายย่อยต่างๆ รวมทั้งผู้ให้บริการระบบชำระเงิน สามารถยกระดับนวัตกรรม รับมือกับความท้าทายทางธุรกิจ เทคโนโลยี และกฎระเบียบต่างๆ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อกระชับทั้งความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ให้ธุรกิจเติบโตได้โดยมีผลกำไรและมีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจนี้ได้ที่ https://www.accenture.com/us-en/industries/banking-index
เกี่ยวกับวิธีวิจัย
รายงานเรื่อง "The Future of Banking: It’s time for a change of perspective” ได้มาจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยประมวลโมเดลหรือรูปแบบธุรกิจของธนาคารชั้นนำร่วม 100 แห่ง (ตามขนาดของสินทรัพย์รวม) และผู้ให้บริการการธนาคารและการเงินรายใหม่อีกกว่า 210 แห่ง (นิยามโดยการประเมินมูลค่า แหล่งเงินทุน และรายได้) ใน 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ยังได้ข้อมูลเสริมจากรายงาน 2020 Accenture Banking Consumer Study และการสัมภาษณ์กับธนาคาร ผู้ให้บริการการเงินดิจิทัล นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม และนักลงทุนต่างๆ
เกี่ยวกับเอคเซนเชอร์
เอคเซนเชอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก โดดเด่นด้านดิจิทัล คลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่พร้อมด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะครอบคลุม 40 กว่าอุตสาหกรรม จึงสามารถให้คำแนะนำด้านยุทธศาสตร์และเป็นที่ปรึกษาแก่ธุรกิจ บริการอินเทอร์แอ็กทิฟ การบริหารเทคโนโลยีและการปฏิบัติการ โดยมีเครือข่ายการให้บริการด้านเทคโนโลยีและระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยพนักงาน 624,000 คนของเอคเซนเชอร์ ร่วมกันนำเสนอความเป็นไปได้ด้านเทคโนโลยีที่ตอบสนองอัจฉริยภาพของมนุษย์ในทุกๆ วัน รองรับลูกค้าในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก นำพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงมาขับเคลื่อนให้เกิดคุณค่าและความสำเร็จร่วมกันกับลูกค้า ผู้คน ผู้ถือหุ้น พาร์ตเนอร์ และชุมชน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.accenture.com