เมื่อ : 16 ก.ย. 2566 , 244 Views
วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ชาติ สะท้อนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล เศรษฐา 1

การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยดูจากตัวชี้วัด GDP GROSS DOMESTIC PRODUCTS ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product หมายถึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย หรือมูลค่าของสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ซึ่งประกอบด้วย  ( ) C (Consumption) คือ การบริโภคของภาคเอกชน เช่น การจับจ่ายใช้สอยในภาคครัวเรือน ( ) I (Investment) คือ การลงทุนจากภาคเอกชนต่าง ๆ  และ ( ) G (Government Spending) คือ การใช้จ่ายของรัฐบาลหรือการลงทุนจากภาครัฐ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรือ PPP การลงทุน ของภารรัฐ และ เอกชนร่วมกัน ( ) X (Export) คือ การส่งออก เช่น การที่คนไทยส่งออกข้าว ยางพารา ทุเรียน SEMI CONDUCTOR ไปขายต่างประเทศ เป็นต้น หรือนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศ ทำให้ประเทศได้ดุลการค้า ดุลการชำระเงิน และนำรายได้เข้ามาในประเทศ เป็นต้น  (-) M (Import) คือ การนำเข้า เช่น การที่คนไทยนำเข้าน้ำมัน มูลค่าครึ่งหนึ่งมาจากการนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันจากฟอสซิล ถ้าหาวิธีลดปริมาณนำเข้าได้หรือใช้พลังงานทดแทนได้ เช่น พลังงานลม พลังงานไฟฟ้า พลังงานไฮโดรเจน จะช่วยแบ่งเบาภาระของประเทศชาติในการนำเงินตราออกนอกประเทศไปได้อย่างมาก  หรือในระยะสั้นเสาะหาแหล่งพลังงานอื่น ๆ ที่มีแหล่งที่ถูกกว่า เช่น รัสเซียเป็นต้น หรือ นำเข้าสินค้าอื่นๆจากต่างประเทศ 

 

การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ ควรแบ่งเป็น 3 ระยะ :

ระยะสั้น (ภายใน 1 ปี) : ต้องให้ยาเร็ว และ แรงเพื่อกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือนจากการบริการ และจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศและคนต่างชาติ : ดั่งเช่น นโยบาย DIGITAL WALLET 10000 บาท จะมากระตุ้นปัจจัยการบริโภคให้มากขึ้นได้ แต่จะหมุนได้ 2 เท่า หรือ 3 เท่าแล้วแต่รายละเอียดทางปฏิบัติ อีกที ผมคิดว่า เงินส่วนนี้ควรให้คนที่ยากจนจริง ๆเพียง 5 ล้านคน อีก 45 ล้านคนบางคนอยากได้การศึกษาต่อมากกว่า บางคนอยากให้พักชำระหนี้มากกว่า บางคนอยากได้เงินกู้ดอกเบี้ยถูกมาลงทุน กิจการใหม่ ๆ แทนการรับเงิน DIGITAL WALLET ทุกคน รวมทั้งการกระตุ้นภาคการบริการ เช่น การท่องเที่ยวภายในประเทศ และนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้มากขึ้น โดยนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ปลอดภาษีวีซ่า 1 ปี หรือเพิ่มเครื่องบินจากจีน ให้บินเข้าไทยมากกขึ้น ส่งทูตไปเจรจาการท่องเที่ยว FTA กับจีน มาเลเซีย อินเดีย ซาอุดิอาราเบีย รัสเซีย เป็นต้น ไม่มีวีซ่า 1 ปี

 

ในทางตรงกันข้ามก็ต้องขึ้นภาษีคนไทย ที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อให้หันมาเที่ยวภายในประเทศแทน และมีแพคเกจทัวร์ ราคาถูกให้คนไทย หรือขอความร่วมมือโรงแรม 4 ดาว 5 ดาวให้ลดราคาให้คนไทย ในราคา 3 ดาวเป็นต้น เพื่อจูงใจให้คนไทยเที่ยวราคาเดิม แต่ได้คลาสที่ดีขึ้น การกระตุ้นภาคบริการหรือท่องเที่ยว จะเร็วและง่ายที่สุด ส่วนในเรื่องหนี้สิน NPL ให้รัฐบาลจัดการหนี้ภาคครัวเรือน แบ่งเป็นเกรด A B C หนี้เน่าก็ต้องพักเงินต้นและดอกเบี้ย หนี้ที่พอจ่ายอยู่บ้างก็ให้จ่ายแต่ดอกเบี้ย หนี้ชั้นดีก็ต้องลดต้น ลดดอกจูงใจให้ชำระได้เร็วขึ้นเป็นต้น ให้เวลา 1 -3 ปี เพื่อให้หายใจคล่อง นำรายได้มาใช้จ่ายแทนที่จะนำรายได้มาชำระหนี้ก่อน ส่วนที่เหลือก็ไม่พอใช้จ่าย และเศรษฐกิจก็หยุดชะงัก ในขณะเดียวกันต้องลดค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงทันที เช่น ค่าพลังงาน น้ำมัน แก๊ส โดยให้เปิดให้นำเข้าน้ำมันเสรี ใน 1 ปีแรก และแก้กฎหมายลดค่า FT ลดค่าการตลาด เปลี่ยนแปลงวิธีคำนวณต้นทุนใหม่ ไม่อิงสิงคโปร์ แต่คิดจากต้นทุนจริงที่ขุดได้ในไทย หรือนำเข้ามาแก้กฎหมายผูกขาดของ ปตท. ให้เปิดเสรีจริง ๆ ไม่กีดกันผู้ค้านำมันรายอื่นหรือไม่ผูกขาดการซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ให้เพิ่มสัดส่วนอีกเท่าตัว และผลิตเองอย่างน้อย 50% เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติที่ต้นทุนทุกอย่างแพง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร และต้นทุนทางการเงินมาจากกฎหมายที่ล้าหลัง และกฎหมายธุรกิจผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ให้รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ขาดการแข่งขันอย่างเสรี และเอื้อให้มีการทุจริต คอรัปชั่น นำพารัฐวิสาหกิจไปทำสัญญาที่เสียเปรียบ และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องของกรรมการในองค์กร ซึ่งท่านจะเห็นข่าวออกมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่การบินไทย ปตท. กฟผ. เป็นต้น แก้กฎหมายไม่ให้เอื้อต่อการผูกขาดสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในด้านพลังงาน ดาวเทียม การสื่อสาร และสาธารณูปโภคต่าง ๆ จัดคณะทูต หรือผู้แทนการค้าเยี่ยมประเทศจีนเป็นประเทศแรก ให้เพิ่มเส้นทางการบินมาไทยมากขึ้น นำนักท่องเที่ยวมามากขึ้นอีกเท่าตัว อำนวยความสะดวกเส้นทางนำเข้าทุเรียน ผ่านประเทศลาว และเวียดนาม นำเข้าข้าว และยางพาราเพิ่มมากขึ้น ราคาก็ดีขึ้น เศรษฐกิจก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และให้สิทธิพิเศษแก่จีนมาลงทุนในไทยแทนญี่ปุ่นและอเมริกา เพราะตอนนี้ไม่มีประเทศไหนรวยเท่าจีนแล้ว ประเทศที่สองที่น่าไปคุยคือ ซาอุดิอาราเบีย อินเดีย และรัสเซีย 

 

ระยะกลาง (ภายใน 3 ปี) : ในส่วนนี้ ขอแนะนำให้รัฐบาล เศรษฐา 1 รีบปลดล็อกโครงการการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) และเร่งอนุญาต หรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิแก่เอกชนดําเนินกิจการของรัฐ ทั้งในกิจการเชิงพาณิชย์และสังคมที่ค้างท่ออยู่ เช่น โครงการพัฒนาถนน หนทาง ด้านคมนาคมต่าง ๆ ของ EEC LANDED BRIDGE ท่าเรือน้ำลึก สะพานทางด่วนข้ามเกาะสมุย เกาะภูเก็ต เกาะพงัน และเกาะช้าง เป็นต้น เมื่อมีการลงทุนโครงการใหญ่ ๆ MEGA PROJECT ประชาชนก็รวยขึ้น กินดีอยู่ดีเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการผลิต OTOP ด้านผลผลิตการเกษตรโดยเฉพาะผักผลไม้ใหม่ และสมุนไพรไทย สมุนไพรจีน และสมุนไพรอินเดีย แทนพืชไร่ โดยร่วมกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และภาคการแพทย์แผนไทยและเอเชียด้วยโดยไม่กีดกัน หรือขึ้นทะเบียนยา หรือ อย. ให้อย่างสะดวกรวมทั้งให้ความรู้ด้านการปลูก การผลิตยา การประชาสัมพันธ์ และการส่งออกอีกด้วย

ระยะยาว (ภายใน 5 ปี) : ในส่วนนี้จะต้องเน้นการแก้ไขกฎหมายให้อุ้มรากหญ้า สนับสนุนคนทำมาหากินสุจริต โดยเฉพาะ SME การสร้างรายได้ของชนบทและการกระจายอำนาจ แต่เพิ่มโทษในการลงโทษ ผู้กระทำผิด โดยเฉพาะเรื่องรับสินบนคอรัปชั่น ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ในทุกวงการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งงานประมูลการขอสัมปทาน หรือแม้แต่ใบอนุญาตต่าง ๆ และการได้สิทธิในการเข้าถึงแหล่งเงินต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีสิทธิ เสรีภาพ และ โอกาสที่เท่าเทียมกันแม้ว่าจะไม่ได้เท่ากันทุกคน แต่ลดความเหลื่อมล้ำให้น้อยลงไม่ใช่ยิ่งนานความเหลื่อมล้ำ ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าเราดำเนินนโยบายผิดทางนายทุนเอาเปรียบ และได้ประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ นายทุนกู้เงินจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกไม่เกิน 5% เงินฝากแค่ 1% ธนาคารกำไรไป 4%  แต่ SME ไปกู้ต้องอย่างน้อย 8% ต้องมีหลักทรัพย์ ต้องแสดงทรัพย์สิน ต้องไม่ติดเครดิตบูโร ต้องมีงบกำไรทุกปี คือต้องแก้ผ้าให้สถาบันการเงินดูอย่างไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบโดยความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ซ้ำยังต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง ๆ ต้องเสียค่าธรรมเนียม ต้องถูกบังคับให้ทำประกันชีวิตคุ้มครองหนี้ เงินที่กู้มาต้องถูกหักไปเหลือเพียงนิดเดียว นายทุนเจ้าสัวซื้อกิจการอะไรก็ได้ เช่น แมคโคร โลตัส เพียงแค่ออกหุ้นกู้ใช้เงินชาวบ้าน ก็มีคนเชื่อถือไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ แค่ใช้เครดิตที่มีแม้ไม่ได้ออกเงินลงทุนเลย หากรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว ความเหลื่อมล้ำ เสรีภาพในการทำสุรา เข้าหาแหล่งทุนต้องมีต้นทุนที่เท่ากันไม่ใช่เอื้อให้คนตัวใหญ่ คนรวย แล้วมาเหยียบหัวคนตัวเล็กหรือคนจนแบบนี้ ในทางกลับกันธนาคารควรเก็บดอกเบี้ยเจ้าสัวแพงกว่า เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าคนตัวเล็ก แต่สุดท้ายคนตัวเล็กกู้ไม่ผ่าน ต้องไปกู้ ดอกเบี้ย 15 -20% ขึ้นไป หรือ 24% จากไมโครไฟแนนซ์ เช่น ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อได้ ผ่านได้เพราะจ่ายดอกเบี้ยสูง ทั้ง ๆ บางทีก็เป็นบริษัทในเครือเดียวกันตามสุภาษิตไทยที่ว่าเตะหมูเข้าปากหมาก็ว่าได้

 

สรุปคือต้องรอดูฝีมือ และผลงานรัฐบาลเศรษฐา 1 แม้ว่าจะมาจากหลายพรรค แต่ผมคิดว่าจุดสำคัญคือการบูรณาการกระทรวงเข้าหากัน เพราะเป้าหมายทุกข้อต้องอาศัยหลายๆกระทรวงทำพร้อมกัน ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเท่านั้น ผมจึงให้เครดิตแก่ท่านนายกเศรษฐา เพราะเชื่อว่าท่านมีความตั้งใจจริงและคู่แข่งสำคัญของท่านก็คือพรรคก้าวไกล ท่านได้โอกาสแก้ตัวและแสดงฝีมือแล้ว ถ้าทำได้ประชาชนก็คงมาเทคะแนนให้รัฐบาลท่านในการเลือกตั้งสมัยหน้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำไม่ได้ผมเชื่อว่าประชาชนคงให้โอกาสพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแบบถล่มทลายกว่าเดิมอีกแน่นอน ท้ายที่สุด... แล้วแต่การตัดสินใจและฝีมือของรัฐบาล เศรษฐา 1 ครับ !

 

วิเคราะห์โดย ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย

กูรูตลาดนีช เพื่อ SME ไทยไปไกลทั่วโลก !