เมื่อ : 19 ก.ค. 2566 , 118 Views
สวส.มุ่งสร้างการรับรู้เรื่อง SE สู่สังคม ผ่านกิจกรรม “สังคมแห่งความสุข สังคมแห่งการพัฒนาด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม” ครั้งที่ ๒

วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. นางนภา เศรษฐกร ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และ สร้างความรับรู้ระบบนิเวศวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ ๒ ภายใต้หัวข้อ “สังคมแห่งความสุข สังคมแห่ง การพัฒนาด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม” พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อสังคม สื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ บริษัท สยามเอเบิ้ลอิน โนเวชั่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด อำเภอ เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี  

 

นางนภา กล่าวว่า ปัจจุบันมีธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน ๒๔๗ กิจการ ซึ่งแต่ละกิจการมีจุดมุ่งหมายที่จะคืนกำไรสู่สังคม และสร้างสังคมที่มีความเกื้อกูล อุดหนุนซึ่งกันและกัน ถือเป็น การสร้างการขับเคลื่อนระบบนิเวศของวิสาหกิจเพื่อสังคม ดังนั้นสำนักงานฯจึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการ ประชาสัมพันธ์และสร้างความรับรู้ระบบนิเวศวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ ๒ ภายใต้หัวข้อ “สังคมแห่งความสุข สังคมแห่งการพัฒนาด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นที่รู้จัก ในวงกว้างผ่านการประชาสัมพันธ์ และนำเสนอแนวคิดการทำวิสาหกิจเพื่อสังคมจากผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจ เพื่อสังคมต้นแบบ ได้แก่ คุณคำรณ มะนาวหวาน กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง บริษัท สยามเอเบิ้ลอินโนเวชั่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และคุณพฤทธิ์ ทาสีลาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ/ผู้จัดการโครงการ บริษัท คิดคิด จำกัด เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์ ความเข้าใจ ในมุมมองกระบวนการการทำธุรกิจของวิสาหกิจ เพื่อสังคมหลากหลายรูปแบบอย่างใกล้ชิด  

 

นางนภา กล่าวต่อไปว่า การขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคมและกลุ่มกิจการเพื่อสังคมของสำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจในปี ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามประเด็นที่ค้นพบจากงานประชุมสมัชชาฯ ทั้ง ๒ ครั้ง โดยประเด็นที่ขับเคลื่อนเกี่ยวกับการทำธุรกิจเพื่อสังคมที่ ในมุมของการจ้างงานกลุ่มเปราะบาง คนด้อยโอกาส และการสร้างการรับรู้ เป็นประเด็นที่สำคัญ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากสังคมขาดความเข้าใจ ในการดำเนินธุรกิจอย่างแบ่งปันเกื้อกูล โดยจะทำให้เกิดรูปแบบสังคมที่ดีงาม ตลอดจนสร้างระบบนิเวศของ ธุรกิจฐานรากของประเทศไทยให้ยั่งยืนอีกด้วย