เมื่อ : 23 มิ.ย. 2566 , 420 Views
วว. เจ๋งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังผู้สูงอายุ จากพืชตระกูลเมล่อน “แตงไทย”

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (InnoHerb) ดำเนินงานตามนโยบาย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย  ประสบผลสำเร็จพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ จากพืชสมุนไพรตระกูลเมล่อน “แตงไทย” รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2570

 

ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ความสำเร็จของ วว. ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชสมุนไพร “แตงไทย” ซึ่งอยู่ในตระกูลเมล่อน (Cucumis melo) และเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ภายใต้การดำเนินโครงการวิจัย “การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุจากสารรงควัตถุในพืชสมุนไพรสู่ประเทศไทย 4.0” นับเป็นการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม อย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบาย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย  เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศ ซึ่งจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2570 ทั้งนี้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายย่อมเสื่อมถอยลง ส่งผลให้เกิดโรคเสื่อมในระบบต่างๆของร่างกาย ประกอบด้วย ระบบประสาท ระบบผิวหนัง ระบบฮอร์โมน ระบบหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบกระดูกและข้อ เป็นต้น โดยเฉพาะการเสื่อมสภาพของผิวหนังและเส้นผม ซึ่งมีผลต่อสภาพจิตใจและการออกสู่สังคม ที่ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ 

 

“...การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ได้แก่ ผิวหนังบางลง  เซลล์ผิวหนังลดลง ความยืดหยุ่นของผิวหนังไม่ดี ผิวหนังเหี่ยว และมีรอยย่น จำนวนเม็ดสีลดลง ล้วนส่งผลให้การทำหน้าที่ปกป้องรังสียูวีจากแสงแดดลดลง ก่อให้เกิดฝ้าและกระมากขึ้น เนื่องจากจำนวนเซลล์สร้างเส้นใยอิลาสติกและคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ลดลง การที่เส้นใยคอลลาเจนลดลง มีผลทำให้เซลล์ทำหน้าที่ลดลง ส่งผลให้เซลล์ที่ผิดปกติถูกทำลายได้ยากขึ้น ความชื้นที่ผิวหนังกำพร้าลดลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผิวเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ จึงมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบันและในอนาคต สำหรับรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

 

ทั้งนี้ วว. ประสบผลสำเร็จวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ จากพืชสมุนไพรตระกูลเมล่อน “แตงไทย” จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ได้แก่ 

1) สารสกัดหยาบเปลือกแตงไทยในรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน  มีจุดเด่นคือ พัฒนาโดยใช้ระบบนำส่งรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน มีอนุภาคขนาดไมครอน  มีสารสำคัญ ได้แก่ กรดเฟอรูลิก สกัดจากเปลือกแตงไทย ผ่านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการชรา และป้องกันความเสียหายจากรังสี UVA ในเซลล์ผิวหนัง มีค่าการละลายน้ำและการปลดปล่อยของสารสำคัญได้เร็วกว่าสูตรผสมทางกายภาพ  ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษในเซลล์ผิวหนังมนุษย์ชนิดไฟโบรบลาสต์  เซลล์มะเร็งลำไส้มนุษย์  ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ เมื่อทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปากในสัตว์ทดลอง   ใช้เป็นสารสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือเสริมอาหารและมีความคงตัว (stability) 

2) เฟอร์รูลิกแอซิด พลัส ซีอี (Ferulic  acid  plus  CE)  มีจุดเด่นคือ  เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผงชงดื่มชนิดแรกที่พัฒนาจากสารสกัดแตงไทยในรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน  มีสารสำคัญ ได้แก่ กรดเฟอรูลิก สกัดจากเปลือกแตงไทย ผ่านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการชรา และป้องกันความเสียหายจากรังสี UVA ในเซลล์ผิวหนัง  โดยระบบนำส่งโซลิดดิสเพอร์ชันสามารถเพิ่มค่าการละลาย ส่งผลให้การดูดซึมและชีวประสิทธิผลดีขึ้น  ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาลทราย ละลายได้ในของเหลว ง่ายต่อการรับประทาน  ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ เมื่อทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปากในสัตว์ทดลองและมีความคงตัว (stability)

 

นางศิรินันท์  ทับทิมเทศ ผู้อำนวยการ  ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร  กล่าวเพิ่มเติมว่า  พืชตระกูลเมล่อนเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ  นอกจากจะนำมาใช้ในการประกอบอาหารแล้ว  ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ด้วย  ในอดีตมีการรับประทานพืชตระกูลเมล่อนเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความชราภาพ การอักเสบ และมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้ใช้สำหรับการรักษาโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารได้มีการใช้ผลทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำผลไม้ แยม สลัด ขนม ทำให้มีเปลือกและเมล็ดซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้งานเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก   นำมาสู่การศึกษาสารสำคัญในส่วนเหลือทิ้งพบว่า   มีวิตามินเอ  วิตามินซี แร่ธาตุ กากใย น้ำมัน แคโรทีนอย และโพลีฟีนอล ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยชะลอหรือยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของไขมันและโมเลกุลอื่น ป้องกันเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ 

 

ทั้งนี้แตงไทยเป็นหนึ่งในพืชตระกูลเมล่อน ปลูกได้ง่าย ทนทาน แข็งแรง สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีสารอาหารคล้ายกับเมล่อนทั่วไป อุดมด้วยวิตามินเอ ซี อี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม คาร์โบไฮเดรต จากการศึกษาพบว่าเปลือกมีสารสำคัญคือกรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) ซึ่งอยู่ในกลุ่มโพลีฟีนอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีการใช้อย่างแพร่หลายในการผสมในเครื่องสำอางเพื่อชะลอวัย ลดริ้วรอย ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ยังมีการใช้ในรูปสารสกัดจากแตงไทยค่อนข้างน้อย รวมถึงกรดเฟอรูลิกมีค่าการละลายน้ำที่ต่ำ ส่งผลให้มีการดูดซึมและมีชีวประสิทธิผลที่ต่ำ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์จากสารสกัดจากเปลือกแตงไทยโดย วว. ซึ่งมีสารสำคัญคือกรดเฟอรูลิกในรูปแบบผงสำหรับชงแล้วดื่ม โดยมีการพัฒนาระบบนำส่งโดยใช้เทคนิคโซลิดดิสเพอร์ชัน (Solid dispersion) ซึ่งจะทำให้เพิ่มค่าการละลาย เพิ่มความสามารถในการดูดซึมได้ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในด้านความคงตัว และการทดสอบประสิทธิภาพของสาร

 

ข้อมูลทางการตลาดพบว่า ผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชสมุนไพร มีแนวโน้มมูลค่าการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศ จากข้อมูลในปี 2558 พบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7% แบ่งออกเป็นมูลค่าภายในประเทศประมาณ 20000 ล้านบาท และมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 80000 ล้านบาท และยังมีอัตราการเติบโตในลักษณะก้าวกระโดดในปี 2559-2560 เนื่องจากคนไทยนิยมอาหารเสริมสุขภาพจากสมุนไพรและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อความสวยงามและเพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและชะลอวัยจากสมุนไพรกำลังได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างมาก หรือที่เรียกว่า ผลิตภัณฑ์นิวตริคอสเมติก (Nutricosmetic supplement)

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์จาก  ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร  ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2577 9000 0 2577 9104   E-mail : innoherb_service@tistr.or.th  หรือที่ “วว. JUMP” https://tistrservices.tistr.or.th/

 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ