องค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวโครงการ RIAN พร้อม MOU ร่วม 5 หน่วยงาน ตั้งเป้าหนุนเกษตรกร 30000 ราย มีโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศ
(21 มิ.ย. 66) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ - องค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล โดยกระทรวงการเกษตร รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เปิดโครงการเครือข่ายนวัตกรรมด้านการเกษตรประจำภูมิภาค (Regional Agriculture Innovation Network - RAIN) หรือโครงการเรน เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้งานนวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศ (climate smart innovations - CSI) เพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และขยายการค้าขายในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผ่านการสร้างศูนย์นวัตกรรมด้านภูมิอากาศ พร้อมลงนามความร่วมมือกับ 5 พันธมิตรไทยและต่างชาติ เดินหน้านวัตกรรมด้านเกษตร โดยไบโอเทค-สวทช. เป็น 1 ในพันธมิตรที่จะมีความร่วมมือด้าน “สนับสนุนการขยายผลนวัตกรรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มีส่วนช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและเพิ่มโอกาสเชิงพาณิชย์” โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายวิลเลียม สปาร์คส์ ผู้อำนวยการโครงการ RAIN ดร.เจือจันทร์ ตั้งเติมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคโครงการ RAIN ผู้บริหารจากทั้ง 5 หน่วยงานที่ร่วม MOU ซึ่งมี ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สวทช. และ ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการไบโอเทค ร่วมในพิธีเปิด
นายวิลเลียม สปาร์กส์ ผู้อำนวยการโครงการ RAIN ให้คำมั่นว่า ภายในปี พ.ศ. 2570 โครงการเรนจะทำการส่งเสริมให้เกษตรกรจำนวน 30000 คน ได้มีการนำนวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศ 30 ชนิด ซึ่งจะส่งผลช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้ปริมาณ 76000 ตัน ทั้งนี้ โครงการเรนจะมุ่งเน้นการทำงานกับพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ลำไย ทุเรียน มะพร้าว และมังคุด นอกจากนี้ โครงการเรน ยังสนับสนุนการริเริ่มศูนย์นวัตกรรมด้านภูมิอากาศนานาชาติสำหรับภาคการเกษตร แห่งแรกที่จะจัดตั้งขึ้นนอกประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ศูนย์นวัตกรรมฯ ดังกล่าว จะได้มีการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องการเกษตรและการป่าไม้เท่าทันภูมิอากาศ และยังมีส่วนช่วยในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศในระดับโลกด้วยเช่นกัน
ในงานเปิดตัวโครงการเรน มีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างองค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล และพันธมิตรที่มีความโดดเด่นทั้งไทยและต่างชาติจำนวนทั้งสิ้น 5 องค์กร ได้แก่
1) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประเด็นความร่วมมือ: สนับสนุนการขยายผลนวัตกรรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มีส่วนช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและเพิ่มโอกาสเชิงพาณิชย์
2) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ประเด็นความร่วมมือ: การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเท่าทันภูมิอากาศเพื่อเพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และขยายโอกาสทางการขาย
3) บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด ประเด็นความร่วมมือ: การขยายการใช้งานและการบูรณาการของข้อมูลด้านภูมิอากาศในเทคโนโลยีด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ผลิตข้าว มันสำปะหลัง และพืชสวน
4) บริษัท ฮาร์มเลส ฮาร์เวสต์ จำกัด ประเด็นความร่วมมือ: การขยายการนำแนวทางการเกษตรฟื้นฟูและเท่าทันภูมิอากาศสำหรับภาคการผลิตและการแปรรูปมะพร้าวที่ส่งผลดีต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม
5) ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยการวิจัยและบัณฑิตศึกษาด้านการเกษตร (SEARCA) ประเด็นความร่วมมือ: การเร่งให้การเกิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานโดยผ่านนวัตกรรมด้านการเกษตรและการขยายผลเทคโนโลยีเท่าทันภูมิอากาศที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และขยายโอกาสทางการขาย
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยถึงประเด็นความร่วมมือครั้งนี้ว่า สวทช. โดยไบโอเทค ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ ดำเนินโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยเทคโนโลยีเครื่องหมายโมเลกุลสำหรับประเทศลุ่มน้ำโขง มาตั้งแต่ปี 2547 เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีเครื่องหมายโมเลกุลในการคัดเลือกพันธุ์ (Marker Assisted Selection; MAS) มาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวในปัจจุบันของประเทศในเขตลุ่มน้ำโขง โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยหน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว (Rice Gene Discovery Unit) ซึ่งเป็นหน่วยวิจัยร่วมระหว่าง ไบโอเทค สวทช. และ ม.เกษตรศาสตร์ มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น กรมการข้าว ม.ขอนแก่น ม.อุบลราชธานี Department of Agricultural Research หรือ DAR จากเมียนมา National Agriculture and Forestry Research Institute หรือ NAFRI จาก สปป.ลาว โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ (Rockefeller Foundation) ม.เกษตรศาสตร์ สวทช. และ Generation Challenge Program ในการจัดฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่สถานที่วิจัยเพื่อพัฒนาบุคลากรและการทำงานวิจัยร่วมกัน ตลอดจนการให้ทุนการศึกษาทั้งระดับปริญญาโท และปริญญาเอก เพื่อให้นักศึกษาและนักวิจัยนำเอาความรู้และเทคโนโลยีกลับไปปรับปรุงพันธุ์ข้าวของประเทศตัวเองต่อไป