เมื่อ : 18 เม.ย. 2566 , 320 Views
”ค.ร.อ.ท.หวังรัฐบาลใหม่จัดรมต.ศธ.ที่กล้าตัดสินใจหนุนอาชีวศึกษาอย่างแท้จริง”

วันนี้ นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.) เปิดเผยว่าจากการติดตามนโยบายการศึกษาของแต่ละพรรคการเมืองที่นำเสนอในช่วงนี้ให้กับประชาชน พบว่าหลายพรรคมีนโยบายการศึกษาที่มุ่งพัฒนากำลังคนและมีทีมงานที่มีคุณภาพรับผิดชอบด้านการศึกษาที่ชัดเจนขึ้นแต่มีสิ่งหนึ่งที่คนอาชีวศึกษาได้เคยเรียกร้องเพื่อให้พรรคการเมืองได้สนับสนุนการอาชีวศึกษาเมื่อครั้งมีการนำเสนอแก้ไขพรบ.การศึกษาที่ยังตกค้างอยู่ในสภาฯ โดยเสนอแนวทางการสร้างความเข้มแข็งกับพรรคการเมืองหลายๆพรรคให้การอาชีวศึกษาเป็นการอาชีวศึกษาแห่งชาติ ที่แท้จริง โดยทีมงานเครือข่ายฯค.ร.อ.ท.จึงได้กำหนดวางแผนยุทธศาสตร์ของการขับเคลื่อนการอาชีวศึกษาเพื่อให้แต่ละพรรคการเมืองได้ให้ความสำคัญกับการจัดการอาชีวศึกษาซึ่งเป็นการจัดการศึกษาที่ผลิตคนเพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศซึ่งในขณะนี้การอาชีวศึกษายังไม่ได้รับความสนใจหรือใส่ใจจากรัฐบาลที่ผ่านมาเท่าที่ควร ในเร็วๆนี้เครือข่าย ค.ร.อ.ท. จะได้นำทีมงานเครือข่ายฯ ค.ร.อ.ท.นำเสนอแนวทางการพัฒนาอาชีวะหรือการสร้างความเข้มแข็งให้กับการอาชีวะโดยจะไปพบกับทีมนโยบายการศึกษาของแต่ละพรรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เห็นว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้าเพื่อที่จะให้พรรคการเมืองเหล่านั้นได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านอาชีวะอย่างแท้จริง และขอให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจการศึกษาด้านอาชีวะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการซึ่งจะทำให้การอาชีวศึกษาได้รับความสนใจหรือพัฒนาเหมือนกับต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คนชาวอาชีวศึกษาคาดหวังไว้คืออยากจะให้มีการพัฒนาการศึกษาในระบบทวิภาคีเหมือนประเทศเยอรมัน การที่การอาชีวศึกษาจะได้รับความสนใจจากภาคประชาชนจากผู้ปกครองหรือจากผู้เรียนโดยผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้าเรียนด้านวิชาชีพเป็นจำนวนมากขึ้นเพื่อที่จะให้อาชีวศึกษาได้ผลิตกำลังคนที่มีทักษะมีคุณภาพออกไปประกอบอาชีพไม่ว่าจะเป็นอาชีพอิสระหรือเข้าสู่สถานประกอบการก็จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานทุกด้านทำให้สถานประกอบการสามารถที่จะรองรับหรือมีการจ้างงานได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคนจบอาชีวศึกษาจะต้องมีค่าตอบแทนที่อยู่ในระดับสูงกว่าสาขาอื่นโดยจะต้องมีการพัฒนาหลายๆด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษาอาชีวะจะต้องได้รับการพัฒนาได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลในการสร้างห้องเรียนแห่งอนาคตหรือเครื่องมือที่ทันสมัยและประสารประกอบประสานงานกับสถานประกอบการโดยมีกฎหมายที่เอื้อต่อสถานประกอบการในการร่วมมือสนับสนุนด้านอาชีวะเป็นต้น

 

นายเศรษฐศิษฎ์ ณุวงค์ศรี
ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท.)

ประธานเครือข่ายฯ ค.ร.อ.ท. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงที่มาของการจัดตั้งเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษา หรือ ค.ร.อ.ท.ในนามภาคประชาชนขึ้นมาเพราะเชื่อมั่นว่าข้อคิดเห็นจากสมาชิกเครือข่ายฯย่อมมีน้ำหนักที่จะทำให้รัฐบาลรับฟังได้เพราะเป็นการรวมบุคคลทุกอาชีพทุกระดับเพื่อที่จะมาช่วยกันเป็นปากเสียงให้กับประชาชนเพื่อที่จะชี้ให้ภาครัฐบาลได้เห็นว่าอาชีวศึกษาควรที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องของงบประมาณด้านต่างๆ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในอาชีวศึกษาเพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีทันความเปลี่ยนแปลงของโลกโดยเครือข่ายฯ มีการรวมกลุ่มกันจากผู้มีความรู้มีประสบการณ์จากสถานประกอบการนักวิชาการช่วยกันระดมความคิดต่างๆที่จะนำประเด็นปัญหาต่างๆที่คนทุกภาคส่วนต้องการให้อาชีวศึกษาดำเนินการหรือพัฒนาไปในรูปแบบใดเพื่อที่จะส่งเสียงไปให้รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับรู้และให้การสนับสนุนการอาชีวศึกษาที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนนั้นก็คือการจัดปรับโครงสร้างสร้าง ความมั่นคงของบุคลากรด้านการอาชีวศึกษาให้มีรูปแบบที่เข้มแข็งเหมือนการจัดการศึกษาของประเทศเยอรมันซึ่งเป็นต้น 

 

นายเศรษฐศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังเลือกตั้ง ถ้าได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ที่ให้ความสนใจการอาชีวศึกษาย่อมสนับสนุนสร้างความเข้มแข็งให้อาชีวศึกษาได้มากกว่าที่ผ่านมา โดยเครือข่ายฯ ค.ร.อ.ท.ต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนด้านการปฏิรูปการศึกษาอาชีวศึกษาการแก้ไข พรบ.การอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 ด้านกฎระเบียบต่างๆเนื่องจากการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษามีความต่างจากการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งนี้เพราะการบริหารการจัดการด้านบุคลากรงบประมาณต่างๆการบริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะนำกฎระเบียบต่างๆของภาพรวมจากการศึกษาขั้นพื้นฐานมาใช้ในการบริหารกับอาชีวศึกษาซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช้กันได้เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนการบริหารงานวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นรัฐมนตรีที่มาใหม่เราจึงหวังว่าจะสามารถที่จะสนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการบริหารงานบุคคลให้อาชีวะมีความเป็นเอกภาพและสามารถบริหารจัดการออกกฎระเบียบต่างๆเอื้อต่อการจัดการอาชีวศึกษาในอนาคตต่อไป จึงหวังว่าในอนาคตกันใกล้ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาลหรือดูแลกระทรวงศึกษาธิการจะต้องได้รัฐมนตรี ศธ.ที่มีความกล้าหาญเป็นคนรุ่นใหม่มองการณ์ไกลยึดประโยชน์ของผู้เรียนและประชาชนและสถานประกอบการให้เอื้อต่อการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อชาติต่อไป