อว.จัดบรรเลงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า ลือเลื่องแหล่งอารยธรรมมรดกโลก “เสียงใหม่ที่บ้านเชียง”อุดรธานี ศิลปินเพลงอีสานชื่อดังร่วมบรรเลงขับร้องสร้างเพลงให้มีชีวิตใหม่
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดเวทีบรรเลงเพลง “เสียงใหม่ที่บ้านเชียง” โดย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงานฯ ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โดย นายสมศักดิ์ แสนอินทร์ นายอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัย เรื่อง โครงการพื้นที่วัฒนธรรมดนตรีเพื่อพัฒนาสร้างสรรค์จินตนาการ เสียงใหม่ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข หัวหน้าโครงการวิจัย มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ควบคุมการบรรเลงวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า โดย พันเอก ดร. ประทีป สุพรรณโรจน์ และสร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมประกอบบทเพลง โดย ดร.สุชาติ วงษ์ทอง ซึ่งมี คณะผู้บริหาร อว. คณะผู้บริหารหน่วยงานจังหวัดอุดรธานี สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ลานวัฒนธรรมชุมชนบ้านเชียงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กล่าวว่า อว. ได้เริ่มศึกษาและดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน ซึ่ง โครงการวิจัยเรื่องวัฒนธรรมดนตรีเพื่อพัฒนาสร้างสรรค์จินตนาการเสียงใหม่การแสดงดนตรี ณ ลานวัฒนธรรมชุมชนบ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง นับเป็นการเปิดโลกวัฒนธรรมของท้องถิ่นเพื่อค้นหาร่องรอยในอดีต ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี วรรณคดี อันนำไปสู่การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสังคมวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่มาแสดงออกในรูปแบบของวงซิมโฟนีออร์เคสตร้า สร้างความสุข ความประทับใจให้แก่ผู้รับฟัง ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ฟัง ได้สัมผัสกับความเบิกบานใจในทุกพื้นที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่สังคมไทยและวงการศึกษาดนตรีของไทย เพราะเพลงคลาสสิกไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพลงของชาวตะวันตกอีกต่อไป ซึ่งอีกด้านหนึ่งเป็นการอนุรักษ์และต่อยอด รวมทั้งพัฒนาด้วยดนตรีพื้นบ้านอันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของคนไทย โดย “มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข” ดำเนินการ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข ในการวิจัยเพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมการค้นหาเพลงเก่าของชุมชนในพื้นที่เพื่อนำมาเรียบเรียงใหม่ พร้อมเล่นผ่านวงดนตรีซิมโฟนีออร์เคสตร้า เพื่อรักษาเพลงเก่า นำมาเสนอในรูปแบบใหม่ เป็นการรังสรรค์ท่วงทำนองคีตศิลป์กระตุ้นให้เกิดสิ่งใหม่บนรากฐานสิ่งเก่า นำไปสู่การส่งเสริมการรังสรรค์คีตศิลป์ผ่านบทเพลงและท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์เป็นการสร้างผลงานศิลปะทางวัฒนธรรมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมการอนุรักษ์และต่อยอด รวมไปถึงการแสดงของวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตราที่เป็นวงดนตรีคลาสสิกมีนักดนตรีชาวไทยที่มีฝีมือสูงผ่านการฝึกฝนจนมีความเชี่ยวชาญ ออกมาแสดงให้ผู้ชมในท้องถิ่นซึ่งเป็นชาวบ้านได้ชื่นชมบทเพลงของตัวเองที่สำคัญมาก ๆ คือผู้คนในท้องถิ่นได้ให้ความร่วมมือร่วมใจกันช่วยทำให้งานเกิดขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาจารย์สุกรี เจริญสุข และคณะจะเป็นตัวอย่างในการสร้างสรรค์ท่วงทำนองให้เป็นมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งการรักษาอดีตเพื่อไปต่อยอดในอนาคต การมองเห็นสมบัติของแผ่นดินเกิดการสานต่อสิ่งที่บรรพบุรุษของเราหลงเหลือไว้ เรามีศิลปะสุนทรียะที่ไม่สามารถลบล้างไปได้ง่ายอันทรงคุณค่าและควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ผลักดันการเป็นประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติให้ดังก้องโลก
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง เป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ การขุนค้นพบหม้อไหถ้วยชามที่เป็นภาชนะเครื่องปั้นดินเผา รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ของชาวบ้านชาวนาการค้นพบวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่อยู่ร่วมกันด้วยความสงบ การค้นพบโครงกระดูกที่มีส่วนประกอบสมบูรณ์ ซึ่งบอกให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่าผู้คนในชุมชนไม่ได้เสียชีวิตด้วยอาวุธหรือสงคราม เป็นชุมชนที่อยู่อย่างสงบร่มเย็นต่อเนื่องกันมาร่วม 600 ปี ชุมชนบ้านเชียงยังได้หักล้างทฤษฎีว่าคนไทยอพยพมาจากที่อื่น แต่เป็นคำตอบที่สำคัญโดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่แห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่มาก่อนอย่างน้อย 3000 ปี หม้อไหถ้วยชามที่เป็นภาชนะเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเชียงเป็นคำตอบที่ต้องค้นหากันต่อไปอีก โดยเฉพาะวิถีชีวิตความเป็นอยู่รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีที่เกิดขึ้นและมีอะไรที่ยังหลงเหลืออยู่ในสังคมปัจจุบันโครงการวิจัยเรื่องวัฒนธรรมดนตรีเพื่อพัฒนาสร้างสรรค์จินตนาการเสียงใหม่ เป็นการศึกษาเพื่อค้นคว้าเรื่องของเสียงดนตรีที่ยังหลงเหลือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ แล้วนำเสียงมาสร้างจินตนาการใหม่ เสียงของหม้อไหถ้วยชาม ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาแตก ประกอบเสียงพิณ เสียงแคน เสียงการเคาะไห ซึ่งเป็นเสียงที่มีอยู่ โดยการเลียนแบบจากเสียงธรรมชาติ (Acoustic) ซึ่งเป็นบริบทที่สำคัญของชุมชนการพัฒนาให้เป็นมาตรฐานของสินค้าที่สามารถสื่อสารออกไปสู่สากลได้เป็นวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและสร้างสรรค์ (Soft Power) ในนามของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้ทำหน้าที่สนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยทั้งศาสตร์และศิลป์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เป็นพื้นประวัติศาสตร์ที่สำคัญหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแสดงดนตรีจากการถ่ายทอดผ่านบทเพลงจะก่อให้เกิดความรื่นรมย์แก่คนในพื้นที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเกิดความสุขใจจากการฟังดนตรีได้เป็นอย่างยิ่ง
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข หัวหน้าโครงการวิจัย มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง เป็นพื้นที่สำคัญในประวัติศาสตร์แหล่งโบราณคดีที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของผู้คนเคยเป็นที่ตั้งชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในอุษาคเนย์ อายุประมาณ 3500 ปี ทำให้เราย้อนนึกถึงรากเหง้าและความใกล้ชิดระหว่างคนและธรรมชาติ วัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความสวยงามผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้านการนำวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้ามาแสดงที่จังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ สู่การนำเสนอต่อสังคมใหม่เป็นการเสนอรูปแบบเสียงใหม่โดยการนำเสียงอดีตมาเสนอเป็นต้นแบบ นวัตกรรมเสียงดนตรี เพื่อสร้างอนาคต โดยใช้ศักยภาพความเป็นเลิศทางดนตรีอย่างลงตัว ซึ่งอาศัยนักดนตรีที่มีฝีมือ และฝีมือของวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตราโดยเอากลิ่นอายของเสียง สีเสียง จิตวิญญาณของเสียง เอาเลือดเนื้อเชื้อไขพันธุกรรมของเสียงเก่า ๆ นำเอาบรรยากาศของท้องถิ่น ซึ่งเป็นบริบทของเสียงดั้งเดิมมาปรุงแต่งให้เป็นเสียงใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นเพลงใหม่เป้าหมายของเสียงใหม่ที่เป็นรูปธรรม โดยการสร้างเสียงใหม่ของเสียงอีสานเพื่อใช้ในพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ผ่านจิตวิญญาณ ศึกษาพันธุกรรมเพลง กลิ่นของบรรยากาศ อารมณ์ที่เป็นบริบทของชุมชนเครื่องดนตรีดั้งเดิม การผสมเสียงกับเครื่องดนตรีที่แตกต่าง รวมทั้งเสียงที่ออกมาเป็นวงไทยซิมโฟนีออร์เคสตราต่อจากนั้นก็จะเริ่มคิดพลิกแพลงก่อกวนทางปัญญากระบวนการวิจัยเป็นการก่อกวนทางวิชาการชนิดหนึ่งการค้นหาคำตอบใหม่สร้างสรรค์จินตนาการเสียงใหม่มาต่อยอดและสืบทอดอายุเพลงให้มีชีวิตใหม่ เพื่อให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทยและเป็นที่รู้จักของประชาคมนานาชาติ
ในโอกาสนี้การแสดงดนตรีเสียงใหม่ที่บ้านเชียงในครั้งนี้โดย วงไทยซิมโฟนีออร์เคสตร้า (Thai Symphony Orchestra) พร้อมด้วยนักดนตรีและหมอลำอาชีพกว่า 100 คน ในการนำเสนอเพลงต้นฉบับที่มีมาแล้วแต่ดั้งเดิมของอีสาน ผ่านการแสดงบทเพลง ลำล่อง ลำผู้ไทสามเผ่าลำตังหวาย ลำคอนสวรรค์ ลำเต้ย ลายศรีโคตรบูรณ์ ลำแมงตับเต่า ลายลำเพลินสังสินไซ ลำเพลินประยุกต์ ลายเซิ้งบั้งไฟ ลำเพลิน ลายใหญ่ ลายน้อย พิณพระอินทร์สายกลางนำทางสำเร็จ ต้อนวัวขึ้นภู ลมพัดพร้าว สุดสะแนน แมลงภู่ตอมดอกไม้วงปล่อยแก่ เพลงฮักอีสานบ้านเฮา เพลงแคนลำโขง และเพลงปล่อยแก่ นับเป็นการแสดงบทเพลงที่เข้าถึงผู้ฟังและสร้างความประทับใจให้กับผู้รับฟัง ซึ่งโครงการวิจัยดังกล่าวจะนำไปสู่การสร้างสรรค์ดนตรีควบคู่กับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อ เป็นศิลปะในการสื่อสาร ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ไปสู่ผู้ฟัง ดนตรีเป็นภาษาสากลที่ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ภาษาใด ก็สามารถรับรู้ และเข้าใจอรรถรสของดนตรีได้ผ่านด้วยเสียงเพลง