เมื่อ : 25 มี.ค. 2566 , 207 Views
ท็อปส์ จับมือ สตาร์ทอัพ Yindii สร้างโมเดลความยั่งยืนรูปแบบใหม่ เปลี่ยน ”อาหารส่วนเกิน”  เป็น “Surprise Bag” จำหน่ายราคาประหยัด ลดขยะอาหาร

กรุงเทพฯ 24 มีนาคม 2566ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าตามยุทธศาสตร์เป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียวที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่านโมเดลแบบใหม่ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) จับมือสตาร์ทอัพ Yindii (ยินดี) แอปพลิเคชันซื้อ-ขายอาหารส่วนเกินอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลี่ยนอาหารส่วนเกินคุณภาพดีให้เป็น“Surprise Bags” ในราคาที่เข้าถึงได้ อีกหนึ่งภารกิจกอบกู้อาหารที่ดีต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม ส่งต่อเป็นมื้ออาหารที่มีคุณค่าราคาประหยัด เชื่อมโยงทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่เมื่อเปิดกล่องผู้ซื้อจะรู้สึกเซอร์ไพรส์กับอาหารส่วนเกินที่ถูกคัดสรรจากท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท จำหน่ายในราคาที่ถูกลง 50 % อาทิ เบเกอรี่ ผัก ผลไม้สด อาหารแปรรูป อาหารพร้อมทาน ฯลฯ นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่เป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนด้านอาหารตลอดทั้งกระบวนการ ตามเจตนารมณ์ของ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในประเทศไทย

 

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ท็อปส์ เบอร์ 1 ฟู้ด รีเทลของไทย เรามีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งมอบประสบการณ์ด้านอาหารที่ดีที่สุดตามแนวคิด Every Day DISCOVERY ควบคู่ไปกับการเป็นองค์กรค้าปลีกสีเขียว ต้นแบบธุรกิจกลุ่มฟู้ดที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการลดปริมาณอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) การสูญเสียอาหาร (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ เปลี่ยนอาหารส่วนเกินสู่อาหารที่มีคุณค่าส่งต่อไปยังครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนผู้สูงอายุ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศผ่านโครงการ “Food For Good Deed อาหารปันสุข” และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายบริหารจัดการขยะและลดปริมาณขยะอาหาร 30%  ภายในปี 2573 ตามเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ท็อปส์ยังคงมองหาผู้ร่วมอุดมการณ์ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้าง ความยั่งยืนให้โลกใบนี้และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คน ล่าสุดร่วมมือกับสตาร์ทอัพน้องใหม่ Yindii (ยินดี)

 

ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันสำหรับซื้อ-ขายอาหารส่วนเกิน (Food Waste) โดยเฉพาะ ร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านโมเดลรูปแบบใหม่ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ซื้อขายอาหารส่วนเกินซึ่งไม่ได้หมายถึงอาหารเสียหรือหมดอายุ แต่เป็นอาหารส่วนเกินจากการดำเนินธุรกิจของท็อปส์และแฟมิลี่มาร์ทที่สามารถรับประทานได้ จัดทำเป็น “Surprise Bag” จำหน่ายในราคาประหยัด ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อาหารที่ผู้บริโภคได้ซื้ออาหารที่ดีในราคาถูก อาหารไม่ถูกทิ้งอย่างสูญเปล่า ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม”

 

ด้าน นายหลุยส์-อัลบาน บาทาร์ด-ดูเปร ประธานกรรมการบริหาร Yindii กล่าวว่า “อาหารส่วนเกินที่ถูกทิ้งเป็นขยะอาหารมีจำนวนมหาศาล จากการประเมินขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) พบว่า 1 ใน 3 ของอาหาร ถูกทิ้งเป็นขยะอาหารหรือประมาณ 1.6 พันล้านตันต่อปี ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งยอดค่าใช้จ่ายของสินค้าโกรเซอรี่ที่สูงขึ้น รวมถึงกระบวนการจัดการขยะอาหารก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 10% หนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน สำหรับ Yindii เป็นแอปพลิเคชันซื้อ-ขายอาหารส่วนเกินอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้ามาดำเนินภารกิจกอบกู้อาหารส่วนเกินคุณภาพดี ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ผลิต เช่น ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ และซูเปอร์มาร์เก็ต กับผู้บริโภคเข้าด้วยกัน รวมถึงสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนที่สุดสำหรับธุรกิจการจัดส่งอาหาร เรารู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ท็อปส์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจกลุ่มฟู้ดที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน เป็นองค์กรค้าปลีกที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินมาโดยตลอด และเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกที่ดำเนินภารกิจกอบกู้อาหารส่วนเกินด้วยระบบดังกล่าว ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นอีกหมุดหมายสำคัญแห่งประวัติศาสตร์และเป็นก้าวสำคัญของการสร้างความมั่นคงให้กับระบบอาหารอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้โลกของเราทุกคน” 

 

สำหรับการจำหน่ายอาหารส่วนเกินผ่านแอปพลิเคชันYindii (ยินดี) ท็อปส์จะนำอาหารส่วนเกินจากกระบวนการจำหน่ายที่ยังมีคุณภาพดี รับประทานได้มาจัดเป็นกล่องสุ่มอาหารในรูปแบบ Surprise Bag ได้แก่ เซตอาหารสด เซตผลไม้และผักสด จำหน่ายในราคาสุดประหยัดเริ่มต้นตั้งแต่ 80 - 200 บาท ซึ่งลูกค้าจะรู้ว่าสินค้าในเซตดังกล่าวประกอบด้วยอะไรบ้างต่อเมื่อเปิดถุงเซอร์ไพรส์ ที่บรรจุอาหารส่วนเกินจากการจำหน่าย ในแต่ละวัน อาทิ ผัก ผลไม้ เบเกอรี่ อาหารพร้อมทาน นม โยเกิร์ต ชีส เครื่องดื่ม ไข่ไก่ ไส้กรอก แฮม เบคอน ฯลฯ โดยในระยะแรกของการจำหน่ายเมื่อลูกค้าสั่งซื้อเซตอาหารส่วนเกิน สามารถเลือกบริการส่งสินค้าถึงบ้านหรือรับสินค้าที่ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ททั้ง 15 สาขาในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ท็อปส์ สาขา สีลม คอมเพล็กซ์ สุขุมวิท 19 เอ็มไพร์ ทาวเว่อร์ สุขาภิบาล 3 อ่อนนุช แคมปัส วอล์ก เกษตร อาร์ซีเอ พระราม 9ชิดลม 19 พิบูลวัฒนา เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ สาขา คริสตัล ปาร์ค เซ็นทรัลเวิลด์  แฟมิลี่มาร์ท สาขา ศูนย์วัฒนธรรม และ จันทร์ 27  โดยผู้ซื้อจะได้รับความคุ้มค่าทั้งด้านคุณภาพ และประหยัดการใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารได้มากถึง 50% เป็นการลดปริมาณขยะอาหารที่เกิดจากอาหารส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งต่อความสุขผ่านมื้ออาหารแทนการทิ้งให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์เป็นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และเตรียมเตรียมขยายความร่วมมือไปยังสาขาอื่นๆ ในพื้นที่ทั่วประเทศ

 

“ปัจจุบันผู้บริโภคได้ตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาขยะอาหารมากขึ้น ทำให้ธุรกิจอาหารส่วนใหญ่โดยเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ตหันมาให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกินทุกวิถีทางท็อปส์ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขยายความร่วมมือกับ Yindii ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของการทำงานอย่างหนักร่วมกัน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างเสริมความยั่งยืนด้านอาหารให้แก่สังคม รวมถึงเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการกอบกู้อาหารและปกป้องโลก สร้างประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติซึ่งสอดคล้องกับแกนดำเนินธุรกิจ Discover Happiness ของท็อปส์ที่ชวนให้ลูกค้าได้มาค้นหาและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง รวมถึงการสร้างสังคมที่น่าอยู่ได้ทุกวันที่ท็อปส์ ” นายสเตฟาน กล่าวสรุป 

 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th เฟซบุ๊ก TopsThailand หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand

 

#Tops #EveryDayDISCOVERY #DiscoverHappiness