เมื่อ : 28 ธ.ค. 2565 , 254 Views
ตามกลิ่นหอม-เรียวยาว-ขาวนุ่ม เดินเที่ยวชม  งานมหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดร้อยเอ็ด เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 22  สะท้อนเมืองเกษตรอัจฉริยะ และนวัตกรรม

 

“ข้าวของแผ่นดิน ข้าวถิ่นทุ่งกุลา ข้าวหอมมะลิโลก” สินทรัพย์จากผืนแผ่นดินที่เป็นทั้ง วิถีชีวิต วัฒนธรรม อาหาร และกลายเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลกมาแล้ว 21 ครั้ง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จังหวัดร้อยเอ็ด จัดงานมหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดร้อยเอ็ด เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 22 ร่วมกับ งาน Thai Rice Expo 2022 ระหว่างวันที่ 23- 25 ธันวาคม 2565 ณ ลานสาเกตนคร สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ร้อยเอ็ด อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการแสดงนิทรรศการ งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย การแสดง แสง สี เสียง และการแสดงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตคนไทยกับข้าวหอมมะลิ โดยมีไฮไลท์เด่นของงาน เช่น บุญคูณลาน (สู่ขวัญข้าว) การแข่งขันซิดข้าว นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงเครือข่ายผ่านการเจรจาและบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ผลิต -ผู้ซื้อ และผู้ขาย การแปรรูปเพิ่มมูลค่า และการเชื่อมโยงตลาดข้าวหอมมะลิอย่างครบวงจร โดยวันพิธีเปิดงานมหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดร้อยเอ็ด เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 22 ร่วมกับ งาน Thai Rice Expo 2022 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2565 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายสมจิตร์ คำสี เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด และหน่วยงานภาคีทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เข้าร่วมงานโดยพร้อมเพรียง เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ไม่น่าพลาดแห่งปี 2022 โดย วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาตามกลิ่นข้าวหอมมะลิโลก ที่ได้รับสมญานามว่า หอม เรียวยาว ขาวนุ่ม ภายในงานมหกรรมเกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดร้อยเอ็ด เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 22 กันแบบจัดเต็ม

 

 

ก้าวแรก… วัฒนธรรม อาหารหลัก และความผูกพัน ระหว่างข้าวกับคนไทย

 

เพราะข้าวมีความผูกพันกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมาช้านาน (นานกว่า 5500 ปีเลยนะ) เรากินข้าวเป็นอาหารหลัก นอกจากนั้นข้าวยังใช้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ในพิธีกรรมต่าง ๆ ข้าวมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยจนแยกไม่ออก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของประเทศไทย ภายในงานครั้งนี้ เราจึงได้อึ้ง ทึ่ง กับ กิจกรรมพิธีบวงสรวงแม่โพสพ ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติตามความเชื่อ โดยชาวนาทุกคนเชื่อว่า แม่โพสพมีพระคุณต่อชีวิตของชาวนา สืบต่อเนื่องจากรุ่นปู่ย่าตายายมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ชาวนาจึงมีพิธีกรรมสืบสานมรดกประเพณีด้านข้าวในแต่ละท้องถิ่นต่อ ๆ กันมา

 

การประกอบพิธีกรรมบวงสรวงแม่โพสพ หรือทำขวัญข้าว เป็นการกล่าวขอขมาต่อต้นข้าว โดยเชื่อกันว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับข้าว ทั้งการเกิดเองตามธรรมชาติ และจากการที่มนุษย์จะกระทำอะไรก็ตามกับต้นข้าว ภายในงานเรายังได้เห็นพิธีต่างๆ ซึ่งไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ในแต่ละพื้นที่บางทีก็หายไปแล้ว แต่สำหรับงานนี้จัดเต็ม ทั้งพิธีกรรมก่อนการหว่านข้าว การปักดำข้าว หรือพิธีกรรมทำขวัญรับขวัญการตั้งท้อง ก่อนการเกี่ยวข้าว และ พิธีอันเชิญแม่โพสพเข้ายุ้งฉาง ซึ่งพิธีกรรมที่กล่าวมาทั้งหมด ให้ความรู้สึกมูเตลูและดูขลังเว่อร์

 

 

ก้าวต่อไป…เมืองเกษตรอัจฉริยะ

 

สถานที่จัดงานในครั้งนี้ก็สำคัญ เพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่า? จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นศูนย์กลางในการปลูกข้าวหอมมะลิในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ และของกลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ (กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน) โดยมีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิในเขตทุ่งกุลาฯ ที่มากที่สุดใน 5 จังหวัดที่อยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ โดยมีพื้นที่มากถึง 947628 ไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกมากถึง 340198 ตัน เลยทีเดียว เราสอบถามมาถึงเหตุผลที่ทำให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้เป็นสินค้าอัตลักษณ์จับต้องได้ พบว่าสภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้ในฤดูฝนจึงเป็นพื้นที่รับน้ำที่หลากมาจากพื้นที่รอบๆ ขอบแอ่ง นำสารอาหารต่างๆ ลงมารวมกันเป็นวัตถุดิบในการสร้างสารหอมและเมล็ดข้าวที่มีลักษณะพิเศษ ความแตกต่างของสภาพอากาศในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ช่วงฤดูแล้งมีอากาศร้อน และแห้งแล้ง ช่วงฤดูฝนเมื่อเข้าสู่ฤดูปลูกข้าว มีความชื้นในอากาศสูงและอากาศร้อน ต้นข้าวมีการคายน้ำอย่างสม่ำเสมอ รากข้าวจะดูดน้ำในดินที่มีสารอาหารละลายอยู่ นำไปสร้างเมล็ดข้าวและสะสมความหอม การที่ต้นข้าวดูดสารอาหารได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้การสร้างแป้งในเมล็ดข้าวมีความสมบูรณ์จับตัวกันแน่นไม่มีท้องไข่ ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต จากอากาศร้อนชื้นจะเปลี่ยนเป็นอากาศเย็น อุณหภูมิลดลงทันที สภาพอากาศแห้ง ทำให้แป้งข้าวที่เริ่มเต็มเมล็ดจับตัวกันแน่นค่อย ๆ คายความชื้นออก เมล็ดข้าวจึงมีความเลื่อมมันและเมล็ดขาวใส โดยกลิ่นข้าวหอมมะลิในทุ่งนาจะส่งกลิ่นหอมมากในช่วงเวลา 13.00-14.00 น. โดยเฉพาะในระยะเก็บเกี่ยว ข้าวหอมมะลิจะสร้างสารหอม ที่ชื่อ 2AP มากที่สุด และพบว่าในนาดินทรายที่ดินมีความเค็มเล็กน้อย สารหอม 2AP ยิ่งจะเพิ่มขึ้นมาก ในลักษณะทางกายภาพดังกล่าวนี้ ทำให้ข้าวหอมมะลิที่ปลูกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเฉพาะ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด ที่นำเสนอภายในงาน นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวนา จ.ร้อยเอ็ด ทุกคน

 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ