‘แม็คโคร x โลตัส’ ผนึกกำลัง เดินหน้าธุรกิจค้าส่งค้าปลีกหัวใจสีเขียว เร่งขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ผ่านสาขาทั่วประเทศ สู่เป้าหมายคาร์บอนสมดุล ปี 2030
เมื่อ : 07 ก.ย. 2565 ,
334 Views
จากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในทุกปี ทำให้กลุ่มแม็คโคร x โลตัส เร่งผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแม็คโคร ได้ปรับโฉมสู่ “กรีนสโตร์ หรือสาขารักษ์สิ่งแวดล้อม” อย่างเต็มรูปแบบ ด้านโลตัสตั้งเป้าเร่งติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคากว่า 1,000 แห่งภายในปี 2024
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจแม็คโคร” ซึ่งประกอบด้วยทั้งแม็คโคร และโลตัส ได้วางแนวคิดในการดำเนินธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ พร้อมตั้งเป้าหมายร่วมกันในการเป็นองค์กรคาร์บอนสมดุล (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 โดยให้เครือข่ายสาขาทั้งแม็คโครและโลตัสทั่วประเทศเกือบ 3,000 แห่ง ผนึกกำลังกันเพื่อเร่งขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมทุกด้าน รวมถึงการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น
โดยแม็คโครได้วางแนวทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ ซึ่งปี 2022 ได้วางโรดแมปการใช้พลังงานสะอาดในสาขา โดยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) จำนวน 52 สาขา ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ประมาณ 20,000 ตัน CO2e ต่อปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ 1.3 ล้านต้น นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการพลังงานภายในสาขาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเปลี่ยนโคมไฟแสงสว่างเป็นหลอด LED ประสิทธิภาพสูง รวมถึงเปลี่ยนระบบทำความเย็นและน้ำยาทำความเย็นของตู้แช่แข็งและตู้แช่อาหารสด ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงถึง 5,460,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ 2,800 ตัน CO2e ต่อปี ซึ่งตั้งเป้าดำเนินการให้ครบเกือบทุกสาขาภายในปี 2024
ส่วนของโลตัสได้ดำเนินการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสาขาไปแล้ว 98 สาขา และในปี 2022 จะมีสาขาที่มีการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้เองได้ถึง 566 แห่ง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตโดยรวม 101 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 12% ของการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งหมดในธุรกิจ และคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น กว่า 13.4% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ครอบคลุมกว่า 1,042 สาขา
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแม็คโครxโลตัสเชื่อมั่นว่า การใช้พลังงานสะอาด โดยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ถือเป็นทางเลือกที่มีความยั่งยืน ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แล้วยังมีโครงการอื่น ๆ อาทิ การใช้รถ EV ในการ์ขนส่งสินค้าของโลตัส การปลูกป่า เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความสมดุลคาร์บอนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ
นอกจากนี้ ในมุมของการบริหารจัดการขยะ ได้ร่วมกันทำโครงการลดขยะอาหารสู่การฝังกลบ (Zero Food Waste to Landfill) โดยโลตัสได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” ตั้งแต่ปี 2017 เพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้ให้กับหน่วยงานที่ต้องการ อย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ส่วนแม็คโครดำเนินโครงการ “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” ด้วยการมอบอาหารส่วนเกินจากสาขาให้เป็นอาหารสัตว์ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งการนำขยะผัก ผลไม้มาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก มอบแก่ชุมชนโดยรอบเพื่อใช้ในการทำความสะอาดและการเกษตร นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกรายย่อย ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่สำคัญ หันมาใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจแม็คโคร” ซึ่งประกอบด้วยทั้งแม็คโคร และโลตัส ได้วางแนวคิดในการดำเนินธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ พร้อมตั้งเป้าหมายร่วมกันในการเป็นองค์กรคาร์บอนสมดุล (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 โดยให้เครือข่ายสาขาทั้งแม็คโครและโลตัสทั่วประเทศเกือบ 3,000 แห่ง ผนึกกำลังกันเพื่อเร่งขับเคลื่อนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมทุกด้าน รวมถึงการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น
โดยแม็คโครได้วางแนวทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ ซึ่งปี 2022 ได้วางโรดแมปการใช้พลังงานสะอาดในสาขา โดยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) จำนวน 52 สาขา ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ประมาณ 20,000 ตัน CO2e ต่อปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ 1.3 ล้านต้น นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการพลังงานภายในสาขาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเปลี่ยนโคมไฟแสงสว่างเป็นหลอด LED ประสิทธิภาพสูง รวมถึงเปลี่ยนระบบทำความเย็นและน้ำยาทำความเย็นของตู้แช่แข็งและตู้แช่อาหารสด ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงถึง 5,460,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ 2,800 ตัน CO2e ต่อปี ซึ่งตั้งเป้าดำเนินการให้ครบเกือบทุกสาขาภายในปี 2024
ส่วนของโลตัสได้ดำเนินการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสาขาไปแล้ว 98 สาขา และในปี 2022 จะมีสาขาที่มีการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้เองได้ถึง 566 แห่ง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตโดยรวม 101 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 12% ของการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งหมดในธุรกิจ และคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2024 จะเพิ่มขึ้นเป็น กว่า 13.4% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ครอบคลุมกว่า 1,042 สาขา
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจแม็คโครxโลตัสเชื่อมั่นว่า การใช้พลังงานสะอาด โดยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ถือเป็นทางเลือกที่มีความยั่งยืน ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แล้วยังมีโครงการอื่น ๆ อาทิ การใช้รถ EV ในการ์ขนส่งสินค้าของโลตัส การปลูกป่า เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความสมดุลคาร์บอนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ
นอกจากนี้ ในมุมของการบริหารจัดการขยะ ได้ร่วมกันทำโครงการลดขยะอาหารสู่การฝังกลบ (Zero Food Waste to Landfill) โดยโลตัสได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” ตั้งแต่ปี 2017 เพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้ให้กับหน่วยงานที่ต้องการ อย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ส่วนแม็คโครดำเนินโครงการ “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” ด้วยการมอบอาหารส่วนเกินจากสาขาให้เป็นอาหารสัตว์ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งการนำขยะผัก ผลไม้มาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก มอบแก่ชุมชนโดยรอบเพื่อใช้ในการทำความสะอาดและการเกษตร นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าปลีกรายย่อย ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่สำคัญ หันมาใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย