อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ด้วยการบริหารที่มุ่งยกระดับรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการระดับโลก
เมื่อ : 14 ส.ค. 2565 ,
416 Views
ไฮไลท์ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2565
ไอวีแอลรายงาน Core EBITDA 758 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 59 เมื่อเทียบปีต่อปี รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสโดยอ้างอิงจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งส่งผลให้มี Core EBITDA margin ร้อยละ 14 นอกจากนี้ ปัจจัยเกื้อหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งและกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นช่วยชดเชยภาระต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในขณะที่ทีมผู้บริหารได้ยกระดับตำแหน่งผู้นำของบริษัทฯ ทั้งในตลาดท้องถิ่นและภูมิภาค เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ แม้ในสถานการณ์ที่การปรับตัวของราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ส่งเสริมกำไรของบริษัทฯ ที่สร้างประวัติการณ์ไว้ในปี 2564 ด้วยบริษัทฯ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคระดับมหภาคในระยะยาว ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของไอวีแอล ถูกใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และมีความยืดหยุ่นต่ออุปสรรคทางเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเสถียรภาพที่เกิดขึ้นจากลักษณะผลิตภัณฑ์นี้ ส่งผลให้ทีมผู้บริหารสามารถมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ที่ต้องการพัฒนาตำแหน่งความเป็นผู้นำระดับโลกที่มีความเฉพาะตัวตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าปิโตรเคมีแบบบูรณาการ ตัวอย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ในละตินอเมริกาและเวียดนามในไตรมาสที่ 2 ซึ่งส่งผลให้ไอวีแอลมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 12
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ไอวีแอลเป็นผู้นำตลาดของแต่ละพื้นที่ธุรกิจหลักของเราในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีโอกาสการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง อย่างที่ได้แสดงให้เห็นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักว่าคุณสมบัติเฉพาะของรูปแบบการดำเนินธุรกิจระดับโลกของเรามีความยืดหยุ่นและเติบโตได้ดี ทำให้เราสามารถมุ่งเน้นแผนงานระยะยาวของเรา ในขณะเดียวกันก็สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ยังมีผลต่อเนื่องมาในปี 2565 สิ่งเหล่านี้ประกอบกับการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อการบริหารจัดการต้นทุน ตลอดจนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้านต่างๆ อย่าง โครงการ Olympus ช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลการดำเนินงานของเราในไตรมาสที่ 2 ได้”
กลุ่มธุรกิจ Combined PET ซึ่งใหญ่ที่สุดในสามกลุ่มธุรกิจของไอวีแอล รายงาน Core EBITDA อันแข็งแกร่ง จำนวน 431 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ด้วยกำไรที่มีสัดส่วนสูงอันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล ข้อจำกัดต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทาน และความฝืดตัวของตลาดโดยรวม รายได้จากการขยายเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสโดยอ้างอิงจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว ในเดือนเมษายน บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ Ngoc Nghia Industry ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์ PET ชั้นนำในประเทศเวียดนาม ช่วยขยายการให้บริการผลิตภัณฑ์แบบบูรณการของไอวีแอลต่อลูกค้าทั่วทั้งเอเซีย
กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) มี Core EBITDA 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรสมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 152 เมื่อเทียบปีต่อปี ความแข็งแกร่งในตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล และโซลูชั่นสำหรับพืชผลทางการเกษตร ช่วยผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลายน้ำแบบบูรณาการของกลุ่มธุรกิจ IOD ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์กลางน้ำแบบบูรณาการมีอุปสรรคจากกำไรของการผลิตเอทิลีนที่ลดลง กำไรของการผลิต MEG แบบบูรณาการที่น้อยเป็นประวัติการณ์ และการหยุดดำเนินการเพื่อปรับปรุงตามแผนงานของหน่วยผลิต EO สองแห่ง อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งมีสำนักงานหลักอยู่ในบราซิลเมื่อเดือนเมษายน ช่วยเพิ่ม Core EBITDA จำนวน 85 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ไอวีแอลในไตรมาสที่ 2 เนื่องด้วยอุปสงค์จำนวนมากต่อผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิว และความสามารถของทีมผู้บริหารในการส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจ Fibers รายงาน Core EBITDA 55 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากการขายลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กลุ่มธุรกิจได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Lifestyle ท่ามกลางมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจีน ในขณะที่อัตราขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจำกัดการส่งออก สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene ได้รับผลกระทบด้านปริมาณจากฐานการผลิตของบริษัท Agvol ในประเทศรัสเซีย ประกอบกับราคาพอลิโพรไพลีนที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ความแข็งแกร่งของตลาดยางสำหรับเปลี่ยนทดแทนมีส่วนช่วยชดเชยการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลกระกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobility คงตัว
- - รายได้ 5,451 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบปีต่อปี
- Reported EBITDA 1,010 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 83 เมื่อเทียบปีต่อปี
- กำไรสุทธิ 20.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 143 เมื่อเทียบปีต่อปี
- Reported EPS 3.58 บาท (12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ปี 2565: 8.11 บาท) และ Core EPS 2.32 บาท (12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ปี 2565: 6.16 บาท)
ไอวีแอลรายงาน Core EBITDA 758 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 59 เมื่อเทียบปีต่อปี รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสโดยอ้างอิงจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งส่งผลให้มี Core EBITDA margin ร้อยละ 14 นอกจากนี้ ปัจจัยเกื้อหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งและกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นช่วยชดเชยภาระต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในขณะที่ทีมผู้บริหารได้ยกระดับตำแหน่งผู้นำของบริษัทฯ ทั้งในตลาดท้องถิ่นและภูมิภาค เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ แม้ในสถานการณ์ที่การปรับตัวของราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ส่งเสริมกำไรของบริษัทฯ ที่สร้างประวัติการณ์ไว้ในปี 2564 ด้วยบริษัทฯ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคระดับมหภาคในระยะยาว ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของไอวีแอล ถูกใช้ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และมีความยืดหยุ่นต่ออุปสรรคทางเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเสถียรภาพที่เกิดขึ้นจากลักษณะผลิตภัณฑ์นี้ ส่งผลให้ทีมผู้บริหารสามารถมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ที่ต้องการพัฒนาตำแหน่งความเป็นผู้นำระดับโลกที่มีความเฉพาะตัวตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าปิโตรเคมีแบบบูรณาการ ตัวอย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ในละตินอเมริกาและเวียดนามในไตรมาสที่ 2 ซึ่งส่งผลให้ไอวีแอลมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 12
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ไอวีแอลเป็นผู้นำตลาดของแต่ละพื้นที่ธุรกิจหลักของเราในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีโอกาสการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง อย่างที่ได้แสดงให้เห็นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักว่าคุณสมบัติเฉพาะของรูปแบบการดำเนินธุรกิจระดับโลกของเรามีความยืดหยุ่นและเติบโตได้ดี ทำให้เราสามารถมุ่งเน้นแผนงานระยะยาวของเรา ในขณะเดียวกันก็สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ยังมีผลต่อเนื่องมาในปี 2565 สิ่งเหล่านี้ประกอบกับการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อการบริหารจัดการต้นทุน ตลอดจนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้านต่างๆ อย่าง โครงการ Olympus ช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลการดำเนินงานของเราในไตรมาสที่ 2 ได้”
กลุ่มธุรกิจ Combined PET ซึ่งใหญ่ที่สุดในสามกลุ่มธุรกิจของไอวีแอล รายงาน Core EBITDA อันแข็งแกร่ง จำนวน 431 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ด้วยกำไรที่มีสัดส่วนสูงอันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามฤดูกาล ข้อจำกัดต่างๆ ของห่วงโซ่อุปทาน และความฝืดตัวของตลาดโดยรวม รายได้จากการขยายเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสโดยอ้างอิงจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่แล้ว ในเดือนเมษายน บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ Ngoc Nghia Industry ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์ PET ชั้นนำในประเทศเวียดนาม ช่วยขยายการให้บริการผลิตภัณฑ์แบบบูรณการของไอวีแอลต่อลูกค้าทั่วทั้งเอเซีย
กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) มี Core EBITDA 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรสมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 152 เมื่อเทียบปีต่อปี ความแข็งแกร่งในตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล และโซลูชั่นสำหรับพืชผลทางการเกษตร ช่วยผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลายน้ำแบบบูรณาการของกลุ่มธุรกิจ IOD ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์กลางน้ำแบบบูรณาการมีอุปสรรคจากกำไรของการผลิตเอทิลีนที่ลดลง กำไรของการผลิต MEG แบบบูรณาการที่น้อยเป็นประวัติการณ์ และการหยุดดำเนินการเพื่อปรับปรุงตามแผนงานของหน่วยผลิต EO สองแห่ง อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งมีสำนักงานหลักอยู่ในบราซิลเมื่อเดือนเมษายน ช่วยเพิ่ม Core EBITDA จำนวน 85 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ไอวีแอลในไตรมาสที่ 2 เนื่องด้วยอุปสงค์จำนวนมากต่อผลิตภัณฑ์สารลดแรงตึงผิว และความสามารถของทีมผู้บริหารในการส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจ Fibers รายงาน Core EBITDA 55 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากการขายลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กลุ่มธุรกิจได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Lifestyle ท่ามกลางมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจีน ในขณะที่อัตราขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจำกัดการส่งออก สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene ได้รับผลกระทบด้านปริมาณจากฐานการผลิตของบริษัท Agvol ในประเทศรัสเซีย ประกอบกับราคาพอลิโพรไพลีนที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ความแข็งแกร่งของตลาดยางสำหรับเปลี่ยนทดแทนมีส่วนช่วยชดเชยการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลกระกอบการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobility คงตัว