“ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” บทสรุปโครงการสะท้อนคุณค่ามนุษย์ยุควิกฤตชีวิต
เมื่อ : 20 ก.ย. 2564 ,
925 Views
“อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน” จากบทร้อยกรองในวรรณคดีเรื่อง เวนิสวานิช พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังคงนำมาเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ และบทสะท้อนสังคมไทยได้ทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในขณะนี้ที่เราอยู่ในท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด-19 จะเห็นได้ว่า เมื่อใดที่ภัยหรือวิกฤตเกิดขึ้นในเมืองไทย ก็จะมีน้ำใจ ความกรุณาปรานีบังเกิดขึ้นอยู่เสมอ
โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” คือหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ความมีน้ำใจของคนไทยที่มาจากทุกฝ่ายทุกองค์กร โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง โลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายกลัยาณมิตรมิตรกว่า 100 องค์กร ทั้งนี้มีเป้าหมายมอบอาหารกล่อง 2,000,000 กล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน โดยอาหาร 1,000,000 กล่องมาจากการสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยในการผลิตและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่วนอาหารอีก 1,000,000 กล่องได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ดำเนินการแจกจ่ายไปแล้ว อาทิ ชุมชนพรรณี วิภาวดีรังสิต ซอย 17, ชุมชนประยงค์แย้ม, ชุมชนตลาดเก่าสมพรชัย ถนนเพชรเกษม 77/4, ชุมชนวัดบางชัน, ชุมชนคลองบางชัน 1 และ 2, ชุมชนบ้านเอื้ออาทรคู้บอน, ชุมชมบึงลำพระยา รามอินทรา 109 ,ชุมชนสะพานสูง, ชุมชนเกาะจวน, แพทย์ พยาบาลสนามที่โรงพยาบาลศรีธัญญา, โรงพยาบาลเลิดสิน, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ, แพทย์สนามที่สถานีไทยพีบีเอส, ชุมชนร่วมใจพัฒนา และ ชุมชนพูลทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้โครงการได้ดำเนินใกล้เสร็จสิ้นบรรลุเป้าหมายแล้ว ทางโครงการฯ ได้ขอขอบคุณพลังแห่งกัลยาณมิตรของทุกคนทุกฝ่ายทุกองค์กร
ดร.จุมพล โพธิสุวรรณ บรรณาธิการข่าว “สำนักข่าวบางกอกทูเดย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” กล่าวว่า ขอขอบคุณโครงการฯ และกัลยาณมิตรทั้งหลาย ที่ช่วยกับขับเคลื่อนให้โครงการฯบรรลุเป้าหมาย ต้องยอมรับในการดำเนินกิจการหรือธุรกิจใด ๆ ย่อมต้องมีการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่ยืนบนธุรกิจหรือสังคม ๆ นั้น ให้ได้แบบแข็งแกร่งและยั่งยืน แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของคนไทยกับน้ำใจและการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ถือว่าเป็นการทลายกำแพงแห่งการแข่งขันโดยสิ้นเชิง ไม่มีการแบ่งพรรคพวก ไม่มีใครเป็นเจ้านาย ไม่มีใครเป็นลูกน้อง ทุกคนมีความเสมอภาคแห่งการเป็นคนดีมีน้ำใจ ด้วยพลังแห่งจิตอาสา ทำให้เราสามารถทำงานกันอย่างเป็นทีมเวิร์ก ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนเลย
“แค่เราได้ยินข่าวความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติในยุควิกฤตโควิด-19 ความรู้สึกของเราก็แย่พอแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสด้วยตากับสภาพคามเป็นอยู่ประชาชนที่เดือดร้อนตามสถานที่ต่าง ๆ แล้ว เกิดความรู้สึกสงสารจับใจและน่าเห็นใจมาก เราก็พยายามทำหน้าที่ในการช่วยเหลือและการแบ่งปันให้ดีที่สุด โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นอกจากเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องของความกรุณาปรานีมีน้ำใจแล้วยังสะท้อนให้เห็นว่า ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนล้วนแต่มีคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แล้วไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องสากลของคนทั้งโลกที่ควรทำความเข้าใจแล้วทำให้เกิดคุณค่าอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งจะทำให้โลกเราเกิดความเป็นธรรมภายใต้สันติสุข”
ดร.ปัณฑิพาณ์ ธาราภิบาล ที่ปรึกษาและผู้สื่อข่าวกิตติมศักดิ์ “สำนักข่าวบางกอกทูเดย์” ในฐานะผู้แทนเดินทางไปร่วมมอบอาหาร รวมทั้งอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็น กล่าวเสริมว่า การลงพื้นที่ไปร่วมโครงการฯทุกครั้ง จะเป็นเครื่องย้ำเตือนเราเสมอว่า เมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ๆ เราต้องหยิบยื่นหรือส่งต่อโอกาสนั้นไปให้กับคนที่เขาเดือดร้อนและลำบากกว่าเรา ซึ่งแน่นอนว่า ลำพังเพียงหนึ่งสมองสองมือเราก็คงจะปราศจากความสำเร็จได้ยาก หากแต่เรารวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วช่วยกันขับเคลื่อนสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นั่นความสำเร็จที่สง่างาม ดั่งเช่น “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” คือหนึ่งพลังมวลชนที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้ผ่านพ้นยุควิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้
“นอกจากอาหารกล่องแล้ว เรายังได้กัลยาณมิตรช่วยกันแบ่งปันและบริจาคสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ เพื่อบรรเทาวิกฤตโควิด-19 อีกด้วย ซึ่งได้นำมอบให้กับชุมชน โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม วัด แคมป์คนงาน,ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 และสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย ต้องบอกว่าคนไทย ‘ไม่ทิ้งกัน’ ไม่ว่าจะอยู่ในวิกฤตน้อยใหญ่แค่ไหน นับว่าความงดงามแห่งน้ำใจของสังคมไทยเป็นอัตลักษณ์ของชาติที่มีมานานแล้ว เป็นภูมิคุ้มกันให้สังคมไทยน่าอยู่ และอยากจะให้มีเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ”
ทางด้าน น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 และ Brand Endorser ของโลตัส กล่าวว่า ในขณะนี้นี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรงอยู่ มีผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องทำการกักตัวอยู่ที่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง นอกจากสุขภาพกายที่ต้องดูแลแล้ว สุขภาพของจิตใจ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูแล
“ในฐานะที่ตนเองเป็นนักกีฬาเข้าใจว่าสุขภาพใจนั้นสำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย เทนนิสคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือ การให้กำลังใจกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ หมอและพยาบาล มูลนิธิและจิตอาสา หรือผู้ป่วยและคนที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เทนนิสคิดว่าทุกคนต้องการกำลังใจในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ จึงอยากขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับคนไทยทุกคน เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ”
โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” คือหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ความมีน้ำใจของคนไทยที่มาจากทุกฝ่ายทุกองค์กร โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง โลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายกลัยาณมิตรมิตรกว่า 100 องค์กร ทั้งนี้มีเป้าหมายมอบอาหารกล่อง 2,000,000 กล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน โดยอาหาร 1,000,000 กล่องมาจากการสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยในการผลิตและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่วนอาหารอีก 1,000,000 กล่องได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้ดำเนินการแจกจ่ายไปแล้ว อาทิ ชุมชนพรรณี วิภาวดีรังสิต ซอย 17, ชุมชนประยงค์แย้ม, ชุมชนตลาดเก่าสมพรชัย ถนนเพชรเกษม 77/4, ชุมชนวัดบางชัน, ชุมชนคลองบางชัน 1 และ 2, ชุมชนบ้านเอื้ออาทรคู้บอน, ชุมชมบึงลำพระยา รามอินทรา 109 ,ชุมชนสะพานสูง, ชุมชนเกาะจวน, แพทย์ พยาบาลสนามที่โรงพยาบาลศรีธัญญา, โรงพยาบาลเลิดสิน, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ, แพทย์สนามที่สถานีไทยพีบีเอส, ชุมชนร่วมใจพัฒนา และ ชุมชนพูลทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้โครงการได้ดำเนินใกล้เสร็จสิ้นบรรลุเป้าหมายแล้ว ทางโครงการฯ ได้ขอขอบคุณพลังแห่งกัลยาณมิตรของทุกคนทุกฝ่ายทุกองค์กร
ดร.จุมพล โพธิสุวรรณ บรรณาธิการข่าว “สำนักข่าวบางกอกทูเดย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” กล่าวว่า ขอขอบคุณโครงการฯ และกัลยาณมิตรทั้งหลาย ที่ช่วยกับขับเคลื่อนให้โครงการฯบรรลุเป้าหมาย ต้องยอมรับในการดำเนินกิจการหรือธุรกิจใด ๆ ย่อมต้องมีการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่ยืนบนธุรกิจหรือสังคม ๆ นั้น ให้ได้แบบแข็งแกร่งและยั่งยืน แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของคนไทยกับน้ำใจและการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ถือว่าเป็นการทลายกำแพงแห่งการแข่งขันโดยสิ้นเชิง ไม่มีการแบ่งพรรคพวก ไม่มีใครเป็นเจ้านาย ไม่มีใครเป็นลูกน้อง ทุกคนมีความเสมอภาคแห่งการเป็นคนดีมีน้ำใจ ด้วยพลังแห่งจิตอาสา ทำให้เราสามารถทำงานกันอย่างเป็นทีมเวิร์ก ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนเลย
“แค่เราได้ยินข่าวความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมชาติในยุควิกฤตโควิด-19 ความรู้สึกของเราก็แย่พอแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสด้วยตากับสภาพคามเป็นอยู่ประชาชนที่เดือดร้อนตามสถานที่ต่าง ๆ แล้ว เกิดความรู้สึกสงสารจับใจและน่าเห็นใจมาก เราก็พยายามทำหน้าที่ในการช่วยเหลือและการแบ่งปันให้ดีที่สุด โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นอกจากเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องของความกรุณาปรานีมีน้ำใจแล้วยังสะท้อนให้เห็นว่า ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนล้วนแต่มีคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แล้วไม่ใช่เป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องสากลของคนทั้งโลกที่ควรทำความเข้าใจแล้วทำให้เกิดคุณค่าอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งจะทำให้โลกเราเกิดความเป็นธรรมภายใต้สันติสุข”
ดร.ปัณฑิพาณ์ ธาราภิบาล ที่ปรึกษาและผู้สื่อข่าวกิตติมศักดิ์ “สำนักข่าวบางกอกทูเดย์” ในฐานะผู้แทนเดินทางไปร่วมมอบอาหาร รวมทั้งอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็น กล่าวเสริมว่า การลงพื้นที่ไปร่วมโครงการฯทุกครั้ง จะเป็นเครื่องย้ำเตือนเราเสมอว่า เมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ๆ เราต้องหยิบยื่นหรือส่งต่อโอกาสนั้นไปให้กับคนที่เขาเดือดร้อนและลำบากกว่าเรา ซึ่งแน่นอนว่า ลำพังเพียงหนึ่งสมองสองมือเราก็คงจะปราศจากความสำเร็จได้ยาก หากแต่เรารวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วช่วยกันขับเคลื่อนสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นั่นความสำเร็จที่สง่างาม ดั่งเช่น “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” คือหนึ่งพลังมวลชนที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้ผ่านพ้นยุควิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้
“นอกจากอาหารกล่องแล้ว เรายังได้กัลยาณมิตรช่วยกันแบ่งปันและบริจาคสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ เพื่อบรรเทาวิกฤตโควิด-19 อีกด้วย ซึ่งได้นำมอบให้กับชุมชน โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม วัด แคมป์คนงาน,ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 และสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย ต้องบอกว่าคนไทย ‘ไม่ทิ้งกัน’ ไม่ว่าจะอยู่ในวิกฤตน้อยใหญ่แค่ไหน นับว่าความงดงามแห่งน้ำใจของสังคมไทยเป็นอัตลักษณ์ของชาติที่มีมานานแล้ว เป็นภูมิคุ้มกันให้สังคมไทยน่าอยู่ และอยากจะให้มีเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ”
ทางด้าน น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 และ Brand Endorser ของโลตัส กล่าวว่า ในขณะนี้นี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรงอยู่ มีผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องทำการกักตัวอยู่ที่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง นอกจากสุขภาพกายที่ต้องดูแลแล้ว สุขภาพของจิตใจ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูแล
“ในฐานะที่ตนเองเป็นนักกีฬาเข้าใจว่าสุขภาพใจนั้นสำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย เทนนิสคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือ การให้กำลังใจกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ หมอและพยาบาล มูลนิธิและจิตอาสา หรือผู้ป่วยและคนที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เทนนิสคิดว่าทุกคนต้องการกำลังใจในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ จึงอยากขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับคนไทยทุกคน เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ”