โครงการเฉพาะกิจ Sonderwunsch Factory Re-Commissioning ปรับแต่งสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 ให้เหนือไปอีกขั้น ในวาระครบรอบ 30 ปี Porsche Supercup
เมื่อ : 16 ก.ค. 2565 ,
392 Views
สตุ๊ทการ์ท. รายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ Porsche Supercup คือหนึ่งในกีฬาความเร็วที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุด และถือเป็นการแข่งขันที่มีความดุเดือดที่สุดของบรรดาทีมแข่งอิสระทั่วโลกที่เข้าร่วมมาตลอดระยะเวลา 30 ปี การได้ขับรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup รุ่นล่าสุด ลงสนามระดับตำนาน อาทิสนามแข่ง Monte Carlo (มอนทิ คาร์โล) หรือสนาม Silverstone (ซิลเวอร์สโตนเซอร์กิต) ในฐานะรายการเปิดฉากการแข่งขันของ Formula One นับเป็นความฝันที่กลายเป็นจริงของเหล่านักแข่งรถทั้งหลาย ทีมงานผู้จัดการแข่งขัน one-make series นี้ ได้ตัดสินใจที่จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ โดยผู้จัดการโครงการของแผนก Porsche Motorsport ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้เชี่ยวชาญแผนก Porsche Exclusive Manufaktur ให้ริเริ่มดำเนินการ Factory Re-Commissioning การปรับแต่งรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 จากสายการผลิตปกติ ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับ โดยใช้พื้นฐานจากรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup ในเวอร์ชั่นฉลองครบรอบ 30 ปี
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ Sonderwunsch programme รถยนต์รุ่นพิเศษอันเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ จะใช้เวลาในการปรับแต่งจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยปอร์เช่ ‘Sonderwunsch Factory Re-Commissioning’ เป็นโครงการเฉพาะกิจที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการพัฒนา รวมไปถึงการปรับแต่งตัวรถในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมในเชิงเทคนิคให้กับรถสปอร์ตปอร์เช่จากในรุ่นสายการผลิตปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านแนวทางงานดีไซน์ของเฉดสีทั้งภายนอก และภายใน ตามมาตรฐานการผลิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งความโดดเด่นที่ชัดเจนคือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฉดสีทั้ง 8 สี ที่อยู่บนตัวถังภายนอก พร้อมตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี และลวดลายกราฟฟิก multicolour pixel mesh บริเวณซุ้มล้อหลังทั้ง 2 ฝั่ง และที่สำคัญอีกหนึ่จุด คือการประดับรายชื่อของผู้ชนะทั้ง 29 คนในการแข่งขัน Porsche Supercup ทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยสีทองลงบนกันชนท้าย
Alexander Fabig ผู้อำนวยการฝ่าย Individualization และ Classic ของปอร์เช่ กล่าวว่า “ทุกโครงการของ Sonderwunsch คือสิ่งที่พิเศษเอามาก ๆ ไม่เพียงสำหรับลูกค้า แต่รวมทีมงานของเราอีกด้วย โดยโครงการใหม่ย่อมหมายถึงความท้าทายใหม่ และเราได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างในทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้จะได้รับการนำไปประยุกต์ใช้กับรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี Porsche Supercup เช่นเดียวกัน”
ด้าน Oliver Schwab ผู้จัดการโครงการ Porsche Mobil 1 Supercup กล่าวว่า “ตารางงานที่เคร่งครัด รวมไปถึงมาตรฐานด้านเทคนิคระดับสูง และจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีมอันยอดเยี่ยม คือปัจจัยที่จะนำพาไปถึงเส้นชัย นี่คือสิ่งที่ผมอาจจะมีโอกาสได้พบเห็นในโลกของมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น การได้ร่วมงานกับแผนก Porsche Exclusive Manufaktur ในโครงการ Factory Re-Commissioning นับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และการพัฒนารถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปีนั้น ตรา Porsche Supercup คือสัญลักษณ์แทนความยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบของเรา Porsche Supercup คือการแข่งขันกีฬาความเร็วที่เป็นตำนานจวบจนปัจจุบัน เราขอกล่าวคำว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’ และรอคอยการแข่งขันที่จะเกิดขั้นในครั้งถัดไปบนสนามอันมีชื่อเสียงระดับโลกอีกหลายปีนับจากนี้”
รถรุ่นพิเศษ จะสามารถพบเห็นได้ในการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup รวมทั้งจอดอวดโฉมที่พิพิธภัณฑ์ Porsche Museum และ CityLife Showroom ในเมืองมิลานช่วงปลายฤดูร้อน โดยจอดโชว์ร่วมกับรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup VIP และรถรุ่นต่าง ๆ เหล่านี้คือหัวใจสำคัญสำหรับการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ถึงรายการแข่งขัน Porsche Supercup ในทุกฤดูกาล และนักขับรถแข่งผู้มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาดาราคนดังขวัญใจประชาชน จะถูกเชิญมาเป็น guest driver อีกด้วย นอกจากนี้บรรดาอดีตแชมเปี้ยน Supercup จะมีโอกาสเยี่ยมชมรถปอร์เช่ Sonderwunsch 911 GT3 รวมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเกียรติประวัติที่สำคัญ รวมไปถึงเรื่องราว highlight ต่างๆ อันน่าจดจำ
เอกลักษณ์แห่งการปรับแต่งภายนอกจรดภายใน
พื้นฐานของ Sonderwunsch Factory Re-Commissioning คือการต่อยอดรถที่ผลิตมาเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว โดยรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 จากสายการผลิตปกตินั้นที่ผ่านขั้นตอนอันสมบูรณ์แล้วนั้นพร้อมที่จะทะยานลงไปโลดแล่นบนสนามในฐานะรถแข่งรายการ Porsche Supercup ได้ทันที ขั้นตอนการทำงานใช้เวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งตัวรถจะได้รับการถอดชิ้นส่วนออก และประกอบเข้าไปใหม่หลังจากตกแต่งด้วยดีไซน์ที่ไม่ธรรมดา
รถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี Porsche Supercup มีตัวถังหลากสีสัน ไม่ใช่เพียงการติดฟิล์ม หรือสติ๊กเกอร์ แต่มีการเล่นระดับถึง 8 เฉดสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีเงิน GT Silver Metallic, สีเทา Agate Grey Metallic, สีดำเงาhigh-gloss Black, สี Meteorgreymetallic, สี Parliamentgreymetallic, สี Volcanogreymetallic, Grigiogranitometallic และสี Diamondblackmetallic ทั้งหมดล้วนปรากฏบนตัวถังรถอวดสายตาประชาชน รวมไปถึงสีทองคำซึ่งเป็นสีพิเศษที่ใช้สลักชื่อของผู้ชนะ Supercup winners อันมีชื่อเสียงอีกด้วย
ความท้าทายอย่างที่สุดในกระบวนการทำสี คือการสร้างสรรค์ลวดลาย multicoloured pixel mesh อย่างประณีตลงบนรูปทรงที่ปราดเปรียวของตัวถังรถ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง VIP โดยรูปแบบของลวดลายจะอยู่บริเวณด้านหลังของช่องรับอากาศบนฝากระโปรงหน้า รวมไปถึงด้านหลังของล้อหน้า และซุ้มล้อหลัง สำหรับตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี หมายเลข ‘30’ สีทองขนาดใหญ่ จะติดตั้งบนประตู และฝากระโปรงหน้า เสริมด้วยรายชื่อทั้ง 29 คนของอดีตแชมเปี้ยนรายการ Porsche Supercup พ่นด้วยสีทอง และเคลือบเงาด้วยแลคเกอร์ เมื่องานสีทั้งหมดเสร็จสิ้นลง ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะถูกประกอบกลับด้วยมือของช่างเทคนิคผู้ชำนาญงานจาก Porsche Exclusive Manufaktur และติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมที่มีเฉพาะเวอร์ชั่น Sonderwunsch
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นย้ำความดุดัน พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ครบรอบลงบนหมอนรองศรีษะ ด้านเบาะนั่งจะเป็นหนังแท้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยวัสดุ Sport Tex สลับสี Black/Aurum บริเวณกึ่งกลาง และเดินขอบเบาะด้วยสี Mojave Beige อย่างโดดเด่นและสง่างาม
ลวดลาย Black/Aurum ยังถูกนำมาประดับตกแต่งบริเวณด้านข้างบริเวณจุดพักแขนของประตูทั้งสองฝั่ง แผงคอนโซลหน้าติดตั้งตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี ขณะที่ด้านบนของแผงหน้าปัด แผงประตู และชิ้นงานด้านข้างจะเดินตะเข็บด้วยสี Mojave Beige
เกี่ยวกับการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup
Porsche Mobil 1 Supercup นับเป็นหนึ่งในการแข่งขัน one-make series ที่ดุเดือดที่สุดในโลก โดยการแข่งขันได้ถูกจัดขึ้นในสนามเดียวกันกับการแข่งขัน FIA Formula One World Championship โดยเปิดฤดูกาลที่สนาม Imola ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 24 เมษายน และตามด้วยอีก 7 สนามในปฏิทินการแข่งขันตลอดปีนี้ มีนักแข่งทั้ง 28 ชีวิต จาก 8 ทีม ร่วมระเบิดสงครามความเร็วเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลครบรอบ 30 ปี นอกจากการแข่งขันในรุ่น overall และ ProAm ยังเพิ่มตำแหน่งชนะเลิศคะแนนสะสมประเภททีม และประเภทนักแข่งหน้าใหม่อีกด้วย
ตั้งแต่ฤดูกาล 2021 รถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup ถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานของรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 รหัสตัวถัง 992 มีพละกำลังสูงสุด 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) งานดีไซน์สไตล์รถแข่งสายพันธุ์สนาม ดุดันเกรี้ยวกราด ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 25 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup จะได้รับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงของ Esso สูตรทดแทนใหม่ล่าสุดสำหรับรถแข่ง
ความสำเร็จอย่างสูงในผลการดำเนินโครงการ Porsche junior programme ตลอดระยะเวลา 25 ปี ช่วยให้เกิดการพัฒนานักแข่งไปสู่ระดับมืออาชีพแบบก้าวกระโดด และสร้างนักแข่งฝีมือดีให้แก่ทีมโรงงานเป็นจำนวนมาก นักแข่งหลายรายสามารถคว้าเกียรติยศในฐานะแชมเปี้ยนรายการ Le Mans มาครอบครอง ตัวอย่างเช่น Timo Bernhard (Porsche Junior ปี 2000 ถึงปี 2001), Marc Lieb (ปี 2000 ถึงปี 2002) และ Earl Bamber (ปี 2014) นักแข่งทั้ง 3 คือผู้ชนะในรายการแข่งขันระดับตำนาน Le Mans 24 ชั่วโมง และการแข่งขัน FIA World Endurance Championship อย่างน้อยหนึ่งสมัยด้วยรถแข่ง ปอร์เช่ 919 Hybrid
เกี่ยวกับ Porsche Exclusive Manufaktur
รถสปอร์ตเปรียบเสมือนตัวแทนที่แสดงบุคลิกภาพ บ่งบอกสไตล์การใช้ชีวิตของผู้ขับขี่ได้อย่างเด่นชัด แผนก Porsche Exclusive Manufaktur ในโรงงาน Zuffenhausen รับบทบาทสร้างสรรค์รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับลูกค้าผ่านการผสมผสานงานฝีมือชั้นครูอันสมบูรณ์แบบ เข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีสุด high-tech สำหรับบุคลากรคุณภาพที่ผ่านการคัดเลือก เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อันเชี่ยวชาญนานนับ 10 ปี และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะส่งมอบความประณีตบรรจงในทุกรายละเอียดด้วยทักษะการทำงานชั้นเลิศเพื่อยกระดับรถยนต์ปอร์เช่จากตัวถังภายนอกจรดห้องโดยสารภายในให้ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกขั้นในทุกองค์ประกอบทั้งด้านความหรูหราสง่างามของการตกแต่ง และการปรับแต่งด้วยอุปกรณ์พิเศษทางเทคนิค
ตามแผนกลยุทธ์ Co-Creation strategy บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนี ได้รื้อฟื้นโครงการระดับตำนาน Sonderwunsch programme ที่เคยเกิดขึ้นในยุค 1970 กลับมาอีกครั้ง เพื่อเป็นการยกระดับงานออกแบบตกแต่งรถยนต์ทั้งคันด้วยแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเป็นการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้า และด้วยความยอดเยี่ยมในกระบวนการผลิตของ ปอร์เช่ ทำให้การพัฒนาดังกล่าวขยายขอบเขตไปถึงส่วนงาน Factory Commissioning สำหรับงานสี และการผลิตชิ้นงานจากวัสดุที่ลูกค้าต้องการเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับส่วนงาน Factory Re-Commissioning และ Factory One-Off ซึ่งรับตกแต่งหลังจากลูกค้านำรถไปใช้งานแล้ว โดย Factory Re-Commissioning นี้จะเกี่ยวข้องกับงานสี และวัสดุตกแต่งต่าง ๆ ขณะที่บริการ Factory One-Off เน้นการยกระดับสมรรถนะด้านเทคนิคด้วยระบบใหม่เป็นหลัก
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพยนตร์ และภาพถ่ายเพิ่มเติม ได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com
อัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน DAT, Hellmuth-Hirth-Strasse 1, D-73760 Ostfildern โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ Sonderwunsch programme รถยนต์รุ่นพิเศษอันเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ จะใช้เวลาในการปรับแต่งจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยปอร์เช่ ‘Sonderwunsch Factory Re-Commissioning’ เป็นโครงการเฉพาะกิจที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการพัฒนา รวมไปถึงการปรับแต่งตัวรถในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมในเชิงเทคนิคให้กับรถสปอร์ตปอร์เช่จากในรุ่นสายการผลิตปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านแนวทางงานดีไซน์ของเฉดสีทั้งภายนอก และภายใน ตามมาตรฐานการผลิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งความโดดเด่นที่ชัดเจนคือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฉดสีทั้ง 8 สี ที่อยู่บนตัวถังภายนอก พร้อมตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี และลวดลายกราฟฟิก multicolour pixel mesh บริเวณซุ้มล้อหลังทั้ง 2 ฝั่ง และที่สำคัญอีกหนึ่จุด คือการประดับรายชื่อของผู้ชนะทั้ง 29 คนในการแข่งขัน Porsche Supercup ทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยสีทองลงบนกันชนท้าย
Alexander Fabig ผู้อำนวยการฝ่าย Individualization และ Classic ของปอร์เช่ กล่าวว่า “ทุกโครงการของ Sonderwunsch คือสิ่งที่พิเศษเอามาก ๆ ไม่เพียงสำหรับลูกค้า แต่รวมทีมงานของเราอีกด้วย โดยโครงการใหม่ย่อมหมายถึงความท้าทายใหม่ และเราได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างในทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้จะได้รับการนำไปประยุกต์ใช้กับรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี Porsche Supercup เช่นเดียวกัน”
ด้าน Oliver Schwab ผู้จัดการโครงการ Porsche Mobil 1 Supercup กล่าวว่า “ตารางงานที่เคร่งครัด รวมไปถึงมาตรฐานด้านเทคนิคระดับสูง และจิตวิญญาณของการทำงานเป็นทีมอันยอดเยี่ยม คือปัจจัยที่จะนำพาไปถึงเส้นชัย นี่คือสิ่งที่ผมอาจจะมีโอกาสได้พบเห็นในโลกของมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น การได้ร่วมงานกับแผนก Porsche Exclusive Manufaktur ในโครงการ Factory Re-Commissioning นับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และการพัฒนารถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปีนั้น ตรา Porsche Supercup คือสัญลักษณ์แทนความยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบของเรา Porsche Supercup คือการแข่งขันกีฬาความเร็วที่เป็นตำนานจวบจนปัจจุบัน เราขอกล่าวคำว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’ และรอคอยการแข่งขันที่จะเกิดขั้นในครั้งถัดไปบนสนามอันมีชื่อเสียงระดับโลกอีกหลายปีนับจากนี้”
รถรุ่นพิเศษ จะสามารถพบเห็นได้ในการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup รวมทั้งจอดอวดโฉมที่พิพิธภัณฑ์ Porsche Museum และ CityLife Showroom ในเมืองมิลานช่วงปลายฤดูร้อน โดยจอดโชว์ร่วมกับรถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup VIP และรถรุ่นต่าง ๆ เหล่านี้คือหัวใจสำคัญสำหรับการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ถึงรายการแข่งขัน Porsche Supercup ในทุกฤดูกาล และนักขับรถแข่งผู้มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาดาราคนดังขวัญใจประชาชน จะถูกเชิญมาเป็น guest driver อีกด้วย นอกจากนี้บรรดาอดีตแชมเปี้ยน Supercup จะมีโอกาสเยี่ยมชมรถปอร์เช่ Sonderwunsch 911 GT3 รวมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเกียรติประวัติที่สำคัญ รวมไปถึงเรื่องราว highlight ต่างๆ อันน่าจดจำ
เอกลักษณ์แห่งการปรับแต่งภายนอกจรดภายใน
พื้นฐานของ Sonderwunsch Factory Re-Commissioning คือการต่อยอดรถที่ผลิตมาเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว โดยรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 จากสายการผลิตปกตินั้นที่ผ่านขั้นตอนอันสมบูรณ์แล้วนั้นพร้อมที่จะทะยานลงไปโลดแล่นบนสนามในฐานะรถแข่งรายการ Porsche Supercup ได้ทันที ขั้นตอนการทำงานใช้เวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งตัวรถจะได้รับการถอดชิ้นส่วนออก และประกอบเข้าไปใหม่หลังจากตกแต่งด้วยดีไซน์ที่ไม่ธรรมดา
รถสปอร์ตปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี Porsche Supercup มีตัวถังหลากสีสัน ไม่ใช่เพียงการติดฟิล์ม หรือสติ๊กเกอร์ แต่มีการเล่นระดับถึง 8 เฉดสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีเงิน GT Silver Metallic, สีเทา Agate Grey Metallic, สีดำเงาhigh-gloss Black, สี Meteorgreymetallic, สี Parliamentgreymetallic, สี Volcanogreymetallic, Grigiogranitometallic และสี Diamondblackmetallic ทั้งหมดล้วนปรากฏบนตัวถังรถอวดสายตาประชาชน รวมไปถึงสีทองคำซึ่งเป็นสีพิเศษที่ใช้สลักชื่อของผู้ชนะ Supercup winners อันมีชื่อเสียงอีกด้วย
ความท้าทายอย่างที่สุดในกระบวนการทำสี คือการสร้างสรรค์ลวดลาย multicoloured pixel mesh อย่างประณีตลงบนรูปทรงที่ปราดเปรียวของตัวถังรถ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง VIP โดยรูปแบบของลวดลายจะอยู่บริเวณด้านหลังของช่องรับอากาศบนฝากระโปรงหน้า รวมไปถึงด้านหลังของล้อหน้า และซุ้มล้อหลัง สำหรับตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี หมายเลข ‘30’ สีทองขนาดใหญ่ จะติดตั้งบนประตู และฝากระโปรงหน้า เสริมด้วยรายชื่อทั้ง 29 คนของอดีตแชมเปี้ยนรายการ Porsche Supercup พ่นด้วยสีทอง และเคลือบเงาด้วยแลคเกอร์ เมื่องานสีทั้งหมดเสร็จสิ้นลง ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะถูกประกอบกลับด้วยมือของช่างเทคนิคผู้ชำนาญงานจาก Porsche Exclusive Manufaktur และติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมที่มีเฉพาะเวอร์ชั่น Sonderwunsch
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นย้ำความดุดัน พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ครบรอบลงบนหมอนรองศรีษะ ด้านเบาะนั่งจะเป็นหนังแท้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยวัสดุ Sport Tex สลับสี Black/Aurum บริเวณกึ่งกลาง และเดินขอบเบาะด้วยสี Mojave Beige อย่างโดดเด่นและสง่างาม
ลวดลาย Black/Aurum ยังถูกนำมาประดับตกแต่งบริเวณด้านข้างบริเวณจุดพักแขนของประตูทั้งสองฝั่ง แผงคอนโซลหน้าติดตั้งตราสัญลักษณ์ครบรอบ 30 ปี ขณะที่ด้านบนของแผงหน้าปัด แผงประตู และชิ้นงานด้านข้างจะเดินตะเข็บด้วยสี Mojave Beige
เกี่ยวกับการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup
Porsche Mobil 1 Supercup นับเป็นหนึ่งในการแข่งขัน one-make series ที่ดุเดือดที่สุดในโลก โดยการแข่งขันได้ถูกจัดขึ้นในสนามเดียวกันกับการแข่งขัน FIA Formula One World Championship โดยเปิดฤดูกาลที่สนาม Imola ประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 24 เมษายน และตามด้วยอีก 7 สนามในปฏิทินการแข่งขันตลอดปีนี้ มีนักแข่งทั้ง 28 ชีวิต จาก 8 ทีม ร่วมระเบิดสงครามความเร็วเพื่อชิงตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลครบรอบ 30 ปี นอกจากการแข่งขันในรุ่น overall และ ProAm ยังเพิ่มตำแหน่งชนะเลิศคะแนนสะสมประเภททีม และประเภทนักแข่งหน้าใหม่อีกด้วย
ตั้งแต่ฤดูกาล 2021 รถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup ถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานของรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 รหัสตัวถัง 992 มีพละกำลังสูงสุด 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) งานดีไซน์สไตล์รถแข่งสายพันธุ์สนาม ดุดันเกรี้ยวกราด ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 25 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า รถแข่งปอร์เช่ 911 GT3 Cup จะได้รับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงของ Esso สูตรทดแทนใหม่ล่าสุดสำหรับรถแข่ง
ความสำเร็จอย่างสูงในผลการดำเนินโครงการ Porsche junior programme ตลอดระยะเวลา 25 ปี ช่วยให้เกิดการพัฒนานักแข่งไปสู่ระดับมืออาชีพแบบก้าวกระโดด และสร้างนักแข่งฝีมือดีให้แก่ทีมโรงงานเป็นจำนวนมาก นักแข่งหลายรายสามารถคว้าเกียรติยศในฐานะแชมเปี้ยนรายการ Le Mans มาครอบครอง ตัวอย่างเช่น Timo Bernhard (Porsche Junior ปี 2000 ถึงปี 2001), Marc Lieb (ปี 2000 ถึงปี 2002) และ Earl Bamber (ปี 2014) นักแข่งทั้ง 3 คือผู้ชนะในรายการแข่งขันระดับตำนาน Le Mans 24 ชั่วโมง และการแข่งขัน FIA World Endurance Championship อย่างน้อยหนึ่งสมัยด้วยรถแข่ง ปอร์เช่ 919 Hybrid
เกี่ยวกับ Porsche Exclusive Manufaktur
รถสปอร์ตเปรียบเสมือนตัวแทนที่แสดงบุคลิกภาพ บ่งบอกสไตล์การใช้ชีวิตของผู้ขับขี่ได้อย่างเด่นชัด แผนก Porsche Exclusive Manufaktur ในโรงงาน Zuffenhausen รับบทบาทสร้างสรรค์รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับลูกค้าผ่านการผสมผสานงานฝีมือชั้นครูอันสมบูรณ์แบบ เข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีสุด high-tech สำหรับบุคลากรคุณภาพที่ผ่านการคัดเลือก เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อันเชี่ยวชาญนานนับ 10 ปี และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะส่งมอบความประณีตบรรจงในทุกรายละเอียดด้วยทักษะการทำงานชั้นเลิศเพื่อยกระดับรถยนต์ปอร์เช่จากตัวถังภายนอกจรดห้องโดยสารภายในให้ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกขั้นในทุกองค์ประกอบทั้งด้านความหรูหราสง่างามของการตกแต่ง และการปรับแต่งด้วยอุปกรณ์พิเศษทางเทคนิค
ตามแผนกลยุทธ์ Co-Creation strategy บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนี ได้รื้อฟื้นโครงการระดับตำนาน Sonderwunsch programme ที่เคยเกิดขึ้นในยุค 1970 กลับมาอีกครั้ง เพื่อเป็นการยกระดับงานออกแบบตกแต่งรถยนต์ทั้งคันด้วยแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเป็นการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้า และด้วยความยอดเยี่ยมในกระบวนการผลิตของ ปอร์เช่ ทำให้การพัฒนาดังกล่าวขยายขอบเขตไปถึงส่วนงาน Factory Commissioning สำหรับงานสี และการผลิตชิ้นงานจากวัสดุที่ลูกค้าต้องการเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับส่วนงาน Factory Re-Commissioning และ Factory One-Off ซึ่งรับตกแต่งหลังจากลูกค้านำรถไปใช้งานแล้ว โดย Factory Re-Commissioning นี้จะเกี่ยวข้องกับงานสี และวัสดุตกแต่งต่าง ๆ ขณะที่บริการ Factory One-Off เน้นการยกระดับสมรรถนะด้านเทคนิคด้วยระบบใหม่เป็นหลัก
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพยนตร์ และภาพถ่ายเพิ่มเติม ได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com
อัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน DAT, Hellmuth-Hirth-Strasse 1, D-73760 Ostfildern โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น