เมื่อ : 13 ก.ค. 2565 , 667 Views
คาร์กิลล์ เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและผลผลิตของเกษตรกร
คาร์กิลล์ หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอาหาร และอุตสาหกรรมการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นบริษัทหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง เพราะบริษัทตระหนักถึงความรับผิดชอบในการปกป้องโลกและสังคมของเรา เพื่อสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป

 
        

โครงการเกษตรอาหารกลางวัน เติมพลังอนาคตของชาติ
สิ่งหนึ่งที่คาร์กิลล์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือคุณภาพชีวิตของเด็กไทย ผู้เป็นอนาคตของชาติ คาร์กิลล์เล็งเห็นว่า อาหารกลางวันในหลาย ๆ โรงเรียนในต่างจังหวัดบางพื้นที่ยังขาดแคลนสารอาหาร และความหลากหลาย คาร์กิลล์จึงได้ริเริ่มโครงการที่นำผลิตภัณฑ์ของคาร์กิลล์ไปมอบให้โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และสระบุรี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รับสารอาหาร และโปรตีนอย่างเต็มที่เพียงพอ เมื่อดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งบริษัทฯ ตระหนักว่า การมอบผลิตภัณฑ์นั้นไม่อาจเป็นหนทางที่ยั่งยืนให้แก่เด็ก ๆ ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการ เกษตรอาหารกลางวัน ที่คาร์กิลล์ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ มหาวิทยาลัยบูรพา ส่งเสริมให้โรงเรียนมีวัตถุดิบในการทำอาหารเอง ด้วยการจัดทำโรงเรือน มอบวัตถุดิบ  อุปกรณ์ และส่งวิทยากรไปอบรมความรู้ด้านเกษตรกรให้น้อง ๆ  ในโรงเรียน อาทิ  การเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เพาะเห็ด ปลูกผักไฮโดรปอนิกส์ และการปลูกพืชผักสวนครัวต่าง ๆ  ซึ่งเมื่อพวกเขาสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะมีอาหารกลางวันที่ดี มีคุณภาพ รับประทานต่อไปได้อย่างยั่งยืน

 

คุณวัชรพล ประสพเกียรติโภคา หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจคาร์กิลล์ ประจำประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจคาร์กิลล์โปรตีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เรื่องง่าย ๆ อย่างอาหารกลางวันของนักเรียนนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เด็ก ๆ จะมีคุณภาพชีวีตที่ดีได้อย่างไร ถ้าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เราจึงมุ่งมั่นที่จะให้เด็กเหล่านี้ได้รับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ โดยยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ นอกจากการที่พวกเขา จะได้มีอาหารกลางวันที่มีคุณภาพแล้ว การสอนให้เขาปลูกพืชผักสวนครัวได้ด้วยตนเอง ยังเป็นเสมือนการให้พวกเขาได้ทดลองประกอบอาชีพเกษตรกรไปในคราวเดียวกัน”

 
    

เดิมทีบริษัทตั้งเป้าหมายจะทำโครงการเกษตรอาหารกลางวันเสร็จสิ้นทั้งหมด 50 โรงเรียน ภายในปี พ.ศ. 2568  แต่จากผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2564 ทำสำเร็จไปแล้วทั้งสิ้น 32 โรงเรียน จึงมีการขยายเป้าหมายของเราไปที่ 70 โรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือภายในปี 2568 

 
    
 
โครงการ Smart Farming น้ำบำบัดจากโรงงานไก่ปรุงสุกให้อะไรมากกว่าที่คิด
โรงงานของคาร์กิลล์เป็นโรงงานขนาดใหญ่ ที่ในแต่ละวันจะมีการปล่อยน้ำบำบัดจำนวนมาก คาร์กิลล์เล็งเห็นว่าน้ำส่วนนี้น่าจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ กลุ่มเกษตรกรที่อยู่รอบโรงงานจึงเป็นเป้าหมายแรกที่น่าจะได้ประโยชน์จากจุดนี้มากที่สุด และนี่คือที่มาของโครงการ Smart Farming

คุณวัชรพลกล่าวว่า “จริงๆ จุดเริ่มต้นของโครงการมาจากการที่เกษตรกรรอบโรงงาน ทดลองนำน้ำของเราไปใช้กับพื้นที่ของตนเอง แล้วพบว่าผลิตผลของเขาเติบโตเร็วมาก จึงมองเห็นว่าเกษตรกรน่าจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ เพราะน้ำบำบัดที่ปล่อยจากโรงงานของเรามีค่าไนโตรเจนสูง ซึ่งเป็นธาตุที่ส่งผลดีต่อพืช ทุก ๆ วันเราจึงปล่อยน้ำลงลำรางสาธารณะเล็กๆ ให้วิ่งไปยังจุดที่ชาวบ้านสามารถนำไปใช้ได้”

นอกจากนี้ คาร์กิลล์ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ มหาวิทยาลัยบูรพา อีกเช่นเคย ในการจัดวิทยากรมาอบรมให้ความรู้เกษตรกรในด้านการจัดการน้ำ การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เหมาะที่สุดกับพื้นที่ ลักษณะและประเภทของปุ๋ยที่ตรงกับรูปแบบนาของเกษตรกร หรือ วิธีป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ถูกต้อง ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีโดรนมาประยุกต์ใช้สำหรับการใส่ปุ๋ย เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย

 
        

        
 
ภารกิจหลักของคาร์กิลล์คือการสร้างห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืนให้โลก
เพราะสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อเราทุกคน คาร์กิลล์มีโครงการต่างๆ ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของคาร์กิลล์ที่ยึดมั่นเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
โครงการ SeaShine มีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณขยะเปียกและขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล โดยคาร์กิลล์ร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สร้างระบบนิเวศในการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน  ส่งเสริมให้ชุมชนจัดเก็บ คัดแยกขยะ และนำมาขายให้กับสถานี SDG เพื่อนำขยะไปรีไซเคิลต่อไป ช่วยลดปัญหาโลกร้อนและมลภาวะทางทะเล

 
        

ด้านพลังงานหมุนเวียน มีการติดตั้ง Solar Cell บนหลังคาโรงเรือน หรืออาคารของบริษัท เช่น ฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารสัตว์ และโรงงานผลิตและแปรรูปอาหาร โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการกระบวนผลิต ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อลดภาวะโลกร้อน ปัจจุบันติดตั้งไปแล้วทั้งหมด 12 แห่งในบริเวณโรงงาน ผลรวมของพลังงานที่ลดได้เท่ากับ 5.4 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าหมายที่จะติดตั้ง Solar Roof เพื่อเพิ่มพลังงานหมุนเวียน 19.3 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 

และปิดท้ายด้วยโครงการ No Burn We Buy ไม่เผา เราซื้อ คาร์กิลล์ร่วมมือกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลพบุรีและจังหวัดนครราชสีมา ผู้ประกอบการที่รับซื้อพืชผลทางการเกษตร และเกษตรกร สนับสนุนการรับซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพด จากแหล่งผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5

จากทะเล สู่ผืนดิน และภูมิอากาศ คาร์กิลล์ดำเนินโครงการเพื่อความยั่งยืนอย่างครอบคลุมในทุกมิติของบริษัท คาร์กิลล์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมของคนไทยต่อไป ด้วยความตั้งใจที่จะเติบโตไปกับชุมชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทย ตามวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงเกษตรกรสู่ตลาดสินค้า ที่ยึดถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก