เมื่อ : 10 ก.ย. 2564 , 1063 Views
รอยัล เอนฟิลด์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Classic 350 ที่ประเทศอินเดีย มาพร้อมดีไซน์เรโทร และสีให้เลือกถึง 11 สี
        ● Classic 350 ชูจุดเด่นด้านการเป็นรถจักรยานยนต์ต้นแบบ เหนือกาลเวลา และสไตล์ย้อนยุค ด้วยรากฐานทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการพัฒนารถจักรยานยนต์ร่วมสมัยในประเทศอินเดีย
        ● พร้อมสรรพ และสมบูรณ์แบบในทุกประสบการณ์การขับขี่ ทุกองค์ประกอบได้รับการพัฒนามาด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด ขับขี่ได้ลื่นไหล และให้ความสุนทรีในทุกมิติ ด้วยเครื่องยนต์ J-series ที่ล้ำสมัย มาพร้อมแชสซีใหม่ทั้งชุด


        กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 9 กันยายน 2564 – รอยัล เอนฟิลด์ (Royal Enfield) เป็นสัญลักษณ์ของความยืดหยุ่น การมีอายุยืนยาวอย่างมีเป้าประสงค์ และความเป็นของแท้ มาตั้งแต่ปี 1901 โดยได้สืบสานมรดกของการสร้างรถจักรยานยนต์แนวคลาสสิกที่เรียบง่ายและกลมกลืน ผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบ ในโอกาสฉลองครบรอบปีที่ 120 นี้ รอยัล เอนฟิลด์ได้คิดค้นและสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของตัวเองในมุมใหม่ นั่นคือ รุ่น Classic ด้วยการเปิดตัว All-New Royal Enfield Classic 350 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นมาพร้อมมุมมองใหม่เพื่อตอบสนองแรงบันดาลใจยุคใหม่ ความงามล้ำเลิศและความมั่นใจของรถรุ่นคลาสสิก ซึ่งบัดนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกขั้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล แม่นยำ และสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
        All-New Royal Enfield Classic 350 สร้างตำนานบทใหม่ให้กับรอยัล เอนฟิลด์ในการสร้างรถจักรยานยนต์ตามแบบฉบับของอังกฤษยุคหลังสงคราม ซึ่งเป็นที่รักของผู้ที่ชื่นชอบจักรยานยนต์ทั่วโลก มรดกตกทอดของรุ่น Classic นี้มีความเป็นมาย้อนไปถึงปี 1948 ที่รถจักรยานยนต์สุดล้ำในเวลานั้นอย่าง Royal Enfield Model G2 เป็นรุ่นแรกที่มีระบบกันสะเทือนหลังแบบสวิงอาร์มในรถจักรยานยนต์ที่ผลิตเต็มรูปแบบ ซึ่งทั้งสวยงามและมีสมรรถนะที่เชื่อถือได้ Model G2 จึงเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบอันแรงกล้าสำหรับ Classic 500 และ Classic 350 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 ปรัชญาการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายหากแต่ดูสง่างามพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานกับการสื่อถึงลีลาท่าทางที่ออกแนวขึงขังและเป็นผู้สั่งการ แต่กลับขับขี่ได้สะดวกสบายและวางใจได้ด้วย เครื่องยนต์ UCE ทำให้ขึ้นแท่นเป็นจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่จักรยานยนต์เป็นกิจกรรมยามว่าง
         นับตั้งแต่เปิดตัว รุ่น Classic นี้ได้กลายเป็นรถจักรยานยนต์ที่ให้นิยามใหม่แก่รถจักรยานยนต์รุ่นมิดเดิ้ลเวท และก่อให้เกิดการฟื้นคืนชีพของรอยัล เอนฟิลด์ โดยเริ่มก้าวเป็นผู้นำระดับโลกในเซกเมนต์นี้ ในอีก 12 ปีต่อมาและหลังจากจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 3 ล้านคัน รุ่น Classic ได้สร้างตำนวนที่เป็นของตัวเอง และ Classic 350 ใหม่ก็พร้อมแล้วที่จะสานต่อตำนานบทนี้ไปข้างหน้า
 
 
        คุณสิทธัตถะ ลาล, กรรมการผู้จัดการ, ไอเชอร์ มอเตอร์ส กล่าวถึงตำนานที่ยังสืบสานมาถึงปัจจุบันของรุ่น Classic และให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัว Royal Enfield Classic 350 ใหม่ ว่า “Classic 350 ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 ในครั้งนั้นนับเป็นรถจักรยานยนต์ที่ทันสมัยและมีขีดความสามารถที่เป็นสัญลักษณ์ของรถสไตล์หลังสงครามที่ไร้กาลเวลาจากยุครุ่งเรืองของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของอังกฤษ เป็นภาษาการออกแบบที่น่าดึงดูดใจและความเรียบง่ายควบคู่ไปกับความน่าเชื่อถือ ผลักดันให้ Classic เป็นที่นิยมไปทั่วโลก และได้สร้างนิยามใหม่ของเซกเมนต์รถจักรยานยนต์รุ่นมิดเดิ้ลเวท (250-750cc) อีกด้วย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างรถจักรยานยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามเหนือกาลเวลา คลาสสิก และขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลิน และ Classic 350 ใหม่ก็เป็นอย่างนั้น โดย All-New Classic 350 ผสมผสานการออกแบบที่ถือเป็นต้นแบบและไร้กาลเวลานี้เข้ากับประสบการณ์การขับขี่ที่ทันสมัยและประณีตอย่างแท้จริง ทั้งหมดถูกพัฒนาขึ้นโดยมีจุดเริ่มต้นจากเครื่องยนต์ J-series อันทันสมัย พร้อมแชสซีส์ใหม่ทั้งหมด Classic 350 จึงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับและไร้ที่ติ ซึ่งแทบรู้สึกเหมือนได้กลับมาขับขี่อีกครั้งเป็นครั้งแรก เราให้ความสำคัญกับทุกแง่มุมของรถจักรยานยนต์เป็นอย่างมาก ตั้งแต่รูปลักษณ์อันน่าทึ่ง ไปจนถึงความสมบูรณ์แบบในชิ้นส่วนและจุดสัมผัส ไปจนถึงสมรรถนะในการขับขี่ที่ไร้ที่ติ เครื่องยนต์ที่ได้รับการสอบเทียบอย่างดีเยี่ยมนั้นมีความราบรื่นเป็นพิเศษ ตอบสนองตามสัญชาตญาณและให้การตอบรับต่อการบังคับรถของผู้ขับขี่เป็นอย่างดี และให้เสียงดังของเครื่องยนต์ที่ไม่รำคาญโสตประสาทเมื่อเร่งความเร็ว ในส่วนของแชสซีก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด สร้างความมั่นใจอย่างมากในขณะบังคับควบคุม ทั้งยังทรงตัวได้ดีโดยเฉพาะในสถานการณ์การจราจรคับคั่งและในมุมที่คดเคี้ยว Classic เป็นรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่สบายที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยเบาะนั่งและระบบกันสะเทือนที่นุ่มสบาย และด้วยการออกแบบเชิงการยศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจักรยานยนต์จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน และทั้งยังให้ความละเมียดละไมและขับขี่สบายอย่างน่าทึ่ง เรามั่นใจว่า All-new Classic 350 ที่ได้รับการขัดเกลามาดีอย่างเหลือเชื่อนี้จะสร้างนิยามใหม่ให้วงการรถจักรยานยนต์ขนาดกลางทั่วโลกอีกครั้ง” 
        คุณบี โกวินดาราจาน, กรรมการบริหาร, รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวย้อนถึงความสำเร็จของ Classic ตลอดหลายปีที่ผ่านมาและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวครั้งนี้ว่า "Classic เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีบทบาทสูงมากในการเติบโตและขยายเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์มิดเดิลเวทในอินเดีย ในขณะเดียวกันก็มีบทบาทสำคัญในการปลดล็อกวัฒนธรรมย่อยที่เฟื่องฟูในส่วนของการขับขี่แบบสบาย ๆ ทั้งในหมู่นักขับอายุน้อยและกลุ่มที่มีประสบการณ์ทั่วโลก All-new Classic 350 สืบสานตำนานนี้ต่อเนื่องไปและสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงภาษาการออกแบบที่เหนือกาลเวลาอย่างที่เราเคยได้สัมผัสมาแล้ว พร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่ทันสมัยและเป็นจินตนาการใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ Classic 350 ใหม่ ยังคงรักษารูปลักษณ์ย้อนยุคไว้ได้ครบถ้วน โดยมีเป้าหมายที่จะนำพามรดกตกทอดนี้เดินไปข้างหน้าด้วยการตกแต่งระดับพรีเมียมและลงตัว แชสซีและเครื่องยนต์ที่ยึดเกาะพื้นถนน บวกกับการขับขี่และการควบคุมรถที่เหนือชั้น ด้วยการมุ่งเน้นที่เฉียบคมที่จะเจาะตลาดรถจักรยานยนต์ในกลุ่มมิดเดิ้ลเวทและความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ของเราในแนวโน้มการชื่นชอบความพรีเมียมในอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดีย เรามั่นใจว่า Classic 350 ใหม่ จะขับเคลื่อนการเติบโตและความทะเยอทะยานมุ่งมั่นของเราต่อไป”
 
 
        Classic 350 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สูบเดียว 349cc ชนิดระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ทันสมัยและได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในงาน Meteor เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้ All-new Classic 350 สามารถนำเสนออีกระดับของความสะดวกสบาย ความนุ่มนวล และความประณีตในประสบการณ์การขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 349cc แบบฉีดเชื้อเพลิง ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมัน Classic ให้กำลัง 20.2 bhp ที่ 6100rpm และแรงบิด 27Nm ที่ 4000rpm ส่งผลให้เกิดเสียงดังรบกวนน้อย ขณะที่การส่งกำลังเชิงเส้นเป็นไปอย่างราบรื่นสุด ๆ ทั่วทั้งแบนด์ ทำให้การขับขี่สนุกและง่าย และด้วยเพลาบาลานเซอร์หลักที่ลดการสั่นสะเทือน ทำให้ Classic ใหม่ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและมีทรงตัวดีบนท้องถนน การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างแม่นยำและราบรื่น ด้วยกระปุกเกียร์ 5 สปีดที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ซึ่งรับประกันการเร่งความเร็วในเมืองอย่างแม่นยำได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการขับขี่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายที่ความเร็วระดับ cruising speed และเพื่อความสุขของผู้ที่ชื่นชอบรอยัล เอนฟิลด์อย่างมาก Classic 350 ใหม่ ยังคงรักษาเสียงกระหึ่มของท่อไอเสียไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ชัดเจน 
        Classic 350 ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมนักออกแบบและวิศวกรมากความสามารถที่ศูนย์เทคโนโลยีล้ำสมัยสองแห่งของรอยัล เอนฟิลด์ในประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักร โดยมีการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเมื่อขับ Classic 350 ใหม่ แชสซีก็ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อความสะดวกสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า ทั้งยังมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำความเร็วสูงขึ้นขณะเข้าโค้ง และให้ความรู้สึกมั่นคงและยึดเกาะถนนทางตรงได้ดีเยี่ยมเช่นกัน ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการพัฒนาอย่างครบถ้วนทุกรายละเอียดเพื่อให้นั่งบนอานได้อย่างสบายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้หลักการยศาสตร์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นและการเบรกที่มั่นใจมากขึ้น Classic ให้ความรู้สึกคล่องตัวและตอบสนองได้ดี จึงมั่นใจได้ว่าประสบการณ์การขับขี่ในแต่ละครั้งจะเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้น 
        Royal Enfield Classic 350 มีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วยโทนสี 11 สี เริ่มด้วย Redditch series, the Halcyon series, the Classic Signals, the Dark series และ Classic Chrome 
        ● Classic Chrome series เป็นรุ่นพรีเมี่ยมที่โดดเด่น Classic Chrome สะท้อนถึงรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สวยน่ามองทุกรายละเอียดของรถจักรยานยนต์อังกฤษนับตั้งแต่ปี 1950 มีให้เลือกในสีทูโทนในสองคู่สี คือ Chrome Red และ Chrome Bronze โดย Chrome series สื่อสัญลักษณ์ที่แท้จริงของอดีตด้วยตรารถถังที่โดดเด่น ซึ่งเสริมแต่งโดยรถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ในยุคปี 1950
        ● Classic Dark series เป็นรุ่นที่สะท้อนความเป็นหนุ่มสาว ทันสมัยในแบบฉบับชีวิตเมือง โดยมาในสี Stealth Black และ Gunmetal Grey และมาพร้อมกับล้ออัลลอยด์และยางแบบไม่มียางใน
        ● Classic Signals series มีให้เลือกในสี Marsh Gr