แม็คโครปลุกพลังเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่าน ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ เพิ่มรายได้และอาชีพที่ยั่งยืนให้รายย่อย
เมื่อ : 18 มิ.ย. 2565 ,
464 Views
แม็คโคร ประกาศความพร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย เติบโตก้าวไกลสู่ตลาดต่างประเทศ เล็งบุกตลาดอาเซียน จีน และ อินเดีย ที่ชื่นชอบสินค้าไทย ผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ หอการค้า และสสว.แบบบรูณาการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างโอกาสและรายได้อย่างยั่งยืน
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มากกว่า 3 ล้านราย และมียอดขายสินค้าคิดเป็นมูลค่าเกือบ 40% ของจีดีพีของประเทศ ทั้งยังก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 14 ล้านคน ธุรกิจเอสเอ็มอี จึงถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา แม็คโครได้ประกาศนโยบายและมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี รวมทั้งเกษตรกรรายย่อย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส
“ตลอดระยะเวลา 33 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แม็คโครสนับสนุนเอสเอ็มอีและเกษตรกรรายย่อยมากกว่า 20,000 ราย ในทุกมิติ โดยมีการส่งเสริมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค แบ่งปันองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น สนับสนุนช่องทางการจำหน่ายทั้งผ่านสาขาและออนไลน์ รวมทั้งการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ที่สำคัญเราได้มีส่วนสนับสนุนและเป็นช่องทางในการส่งออกสินค้าเอสเอ็มอีไทย ไปจำหน่ายยังสาขาของแม็คโครในต่างประเทศด้วย” นางศิริพรกล่าว
โดยแม็คโครวางกลยุทธ์ในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ด้าน
1. การพัฒนาช่องทางการตลาด ผสมผสานทั้งออนไลน์ และช่องทางการจำหน่ายผ่านสาขาของแม็คโครทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ชื่นชอบสินค้าไทยและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันแม็คโครมีสาขาในต่างประเทศรวม 7 สาขา ได้แก่ กัมพูชา 2 สาขา เมียนมา 1 สาขา อินเดีย 3 สาขาและจีน 1 สาขา
2. การพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรรายย่อย โดยการสร้างองค์ความรู้ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผู้ประกอบการรายย่อยสู่การเป็น ‘Smart SMEs”
3. การสนับสนุนและเชื่อมโยงกับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
4. การร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นางศิริพร กล่าวว่า จากผู้ผลิตเอสเอ็มอีที่แม็คโครให้การสนับสนุนกว่า 2,000 ราย ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังสาขาของแม็คโครในต่างประเทศแล้วกว่า 100 รายการ ทั้งกลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง เครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในเอเชีย เช่น บริษัท เก้าดาวฟาร์ม (2005) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนิ่มแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์เอโร่ ผลิตภัณฑ์น้ำพริกและเครื่องแกง “จะโหรม” ซึ่งเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีจากจังหวัดตรัง ปัจจุบันเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
“ภายใต้วิกฤตอาหารโลกที่เกิดขึ้น เอสเอ็มอีไทยยังมีโอกาสอีกมาก และแม็คโครพร้อมที่จะเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจลูกค้าของเราในทุกประเทศ ให้คำแนะนำด้านการพัฒนาคุณภาพและบรรจุภัณฑ์สินค้าให้ตรงใจลูกค้า และเข้าไปสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้มีโอกาสเติบโตก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างแข็งแรง สร้างความมั่นคงทางอาชีพ และรายได้ที่ยั่งยืน อันจะเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป” นางศิริพรกล่าวทิ้งท้าย
“ตลอดระยะเวลา 33 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แม็คโครสนับสนุนเอสเอ็มอีและเกษตรกรรายย่อยมากกว่า 20,000 ราย ในทุกมิติ โดยมีการส่งเสริมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค แบ่งปันองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น สนับสนุนช่องทางการจำหน่ายทั้งผ่านสาขาและออนไลน์ รวมทั้งการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ที่สำคัญเราได้มีส่วนสนับสนุนและเป็นช่องทางในการส่งออกสินค้าเอสเอ็มอีไทย ไปจำหน่ายยังสาขาของแม็คโครในต่างประเทศด้วย” นางศิริพรกล่าว
โดยแม็คโครวางกลยุทธ์ในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ด้วยองค์ประกอบหลัก 4 ด้าน
1. การพัฒนาช่องทางการตลาด ผสมผสานทั้งออนไลน์ และช่องทางการจำหน่ายผ่านสาขาของแม็คโครทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ชื่นชอบสินค้าไทยและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันแม็คโครมีสาขาในต่างประเทศรวม 7 สาขา ได้แก่ กัมพูชา 2 สาขา เมียนมา 1 สาขา อินเดีย 3 สาขาและจีน 1 สาขา
2. การพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรรายย่อย โดยการสร้างองค์ความรู้ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผู้ประกอบการรายย่อยสู่การเป็น ‘Smart SMEs”
3. การสนับสนุนและเชื่อมโยงกับสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
4. การร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นางศิริพร กล่าวว่า จากผู้ผลิตเอสเอ็มอีที่แม็คโครให้การสนับสนุนกว่า 2,000 ราย ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังสาขาของแม็คโครในต่างประเทศแล้วกว่า 100 รายการ ทั้งกลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง เครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในเอเชีย เช่น บริษัท เก้าดาวฟาร์ม (2005) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนิ่มแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์เอโร่ ผลิตภัณฑ์น้ำพริกและเครื่องแกง “จะโหรม” ซึ่งเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีจากจังหวัดตรัง ปัจจุบันเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านของไทย
“ภายใต้วิกฤตอาหารโลกที่เกิดขึ้น เอสเอ็มอีไทยยังมีโอกาสอีกมาก และแม็คโครพร้อมที่จะเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจลูกค้าของเราในทุกประเทศ ให้คำแนะนำด้านการพัฒนาคุณภาพและบรรจุภัณฑ์สินค้าให้ตรงใจลูกค้า และเข้าไปสนับสนุนในทุก ๆ ด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้มีโอกาสเติบโตก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างแข็งแรง สร้างความมั่นคงทางอาชีพ และรายได้ที่ยั่งยืน อันจะเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป” นางศิริพรกล่าวทิ้งท้าย