เมื่อ : 26 เม.ย. 2565 , 379 Views
วช. หนุน

ดร.วิภารัตน์  ดีอ่อง  ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)   เปิดเผยว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดย วช. มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่ง “นวัตกรรมเครื่องตรวจหารอยลายนิ้วมือแฝงสำหรับงานพิสูจน์หลักฐานอาชญากรรม”  เป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่ วช. ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมฝีมือคนไทยที่มีคุณภาพ ช่วยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ  และสามารถสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
 

 
ผศ. ดร. เขมฤทัย   ถามะพัฒน์ 



พันตำรวจเอกหญิงศิริประภา  รัตตัญญู

นวัตกรรมเครื่องตรวจหารอยลายนิ้วมือแฝงบนปลอกกระสุนปืน มีคณะผู้ประดิษฐ์จากหลากหลายหน่วยงาน  ประกอบด้วย ผศ. ดร. เขมฤทัย ถามะพัฒน์ หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์เพื่อคำตอบของสังคม  และรองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นหัวหน้าโครงการ ฯ  พันตำรวจเอกหญิงศิริประภา  รัตตัญญู นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4)  กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  พันตำรวจเอกหญิง สุรินทร์ ชมเสาร์หัศ  อดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) กลุ่มงานตรวจลายนิ้วมือแฝง กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  ดร.ชุติมา อุปถัมภ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาฟิสิกส์  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ  นางสาวอวิกา แสงวิมาน  และนายอภิวัฒน์  เพ็ชรสหาย นักวิจัยจากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรมศาสตร์เพื่อคำตอบของสังคม  ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์  มจธ.  และนายอดิเรก พิทักษ์  อาจารย์จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน

ผศ. ดร.เขมฤทัย ถามะพัฒน์  หัวหน้าโครงการ ฯ เปิดเผยว่า  การพัฒนานวัตกรรมเครื่องตรวจหารอยลายนิ้วมือแฝงบนปลอกกระสุนปืนได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. อย่างต่อเนื่อง  ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก ที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัยเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งเมื่อพัฒนาต้นแบบแล้วเสร็จ  ได้มีการส่งมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางและศูนย์พิสูจน์หลักฐาน10 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  ทดสอบใช้งานจริง และผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นประจำปี 2560  ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้หลังจากที่มีการนำผลงานไปใช้งานจริง  ทีมคณะผู้ประดิษฐ์ได้มีการนำผลตอบรับกลับมาปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดเป็นเวอร์ชั่น 2  ซึ่งได้รับงบสนับสนุนจาก วช. ในปีงบประมาณ 2563  โดยปรับปรุงจากเวอร์ชั่นเดิมให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น จากเวอร์ชั่นแรก โจทย์ในการพัฒนาคือสามารถ หารอยลายนิ้วมือแฝงบนวัตถุพยานที่เป็นโลหะ แต่เวอร์ชั่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นนี้ จะเน้นที่การตรวจปลอกกระสุนปืนโดยเฉพาะ  เนื่องจากปลอกกระสุนปืนเป็นวัตถุพยานที่เจอในสถานที่เกิดเหตุจริงจำนวนมากโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนใต้  แต่ด้วยวิธีการพิสูจน์หารอยลายนิ้วมือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะหารอยลายนิ้วมือได้ค่อนข้างยาก   

 “เครื่องตรวจหารอยลายนิ้วมือแฝงเวอรชั่นล่าสุดนี้  สามารถตรวจปลอกกระสุนปืนได้ทุกขนาดทุกประเภท สามารถตรวจหารอยลายนิ้วมือได้รวดเร็วภายใน 20 วินาที จากเวอร์ชั่นแรกที่ใช้เวลาประมาณ  60 วินาที  นอกจากนี้ยังได้ออกแบบให้ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น สามารถตรวจสอบหารอยลายนิ้วมือได้ภายในขั้นตอนเดียว  โดยคณะผู้ประดิษฐ์ได้พัฒนาเครื่องเป็น 2 รุ่น ทั้งแบบใช้ในห้องปฏิบัติการที่ตรวจได้ครั้งละ 10 ปลอก และแบบพกพาที่ตรวจได้ครั้งละ1 ปลอก  แต่สามารถตรวจในที่เกิดเหตุได้ทันที  ทำให้เกิดความรวดเร็วในการส่งหลักฐานไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลและสามารถสกัดจับผู้ต้องสงสัยได้อย่างทันท่วงที "

สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้ หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า ยังคงใช้หลักการเดิมคือ การประยุกต์ใช้เซลล์ไฟฟ้าเคมีอย่างง่าย   ด้วยการนำขั้วไฟฟ้าที่เฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยามาต่อเข้ากับแหล่งจ่ายไฟฟ้าและนำเอาวัตถุพยานที่ต้องการหารอยนิ้วมือมาต่อเข้ากับอีกขั้ว  โดยขั้วไฟฟ้าทั้งสองจะจุ่มอยู่ในสารละลายอิเล็กโทรไลต์  ซึ่งบริเวณที่เป็นรอยนิ้วมือแฝงจะมีโปรตีนเกาะอยู่ จึงมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ทำให้เกิดภาพคอนทราสท์ระหว่างพื้นผิวโลหะกับรอยนิ้วมือ และส่งผลให้เกิดเป็นภาพรอยนิ้วมือปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นล่าสุด ยังได้ปรับรูปแบบตัวเครื่องโดยใช้การออกแบบเชิงวิศวกรรมเข้ามาช่วย  และผลิตตัวเครื่องต้นแบบด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติหรือ 3D พริ้นเตอร์ 

ล่าสุดเมื่อ 27 มกราคม 2565  คณะผู้ประดิษฐ์ และ วช. ได้มีการส่งมอบต้นแบบเครื่องตรวจหารอยนิ้วมือแฝง ฯ ที่พัฒนาขึ้นนี้  ให้กับศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ที่มีความรับผิดชอบหลักครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจับกุมผู้ก่อการร้ายและผู้ก่ออาชญากรรมในคดีต่างๆ  พร้อมทั้งได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับตัวแทนเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานของศูนย์พิสูจน์หลักฐานต่างๆ ในประเทศไทย 

อย่างไรก็ดี  คณะผู้ประดิษฐ์อยู่ระหว่างการของบประมาณสนับสนุนการผลิตนวัตกรรมดังกล่าวเพื่อขยายผลใช้งานในทุกศูนย์พิสูจน์หลักฐานทั่วประเทศ.