เกษตรฯ-พาณิชย์ หารือเข้มแนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ราคาปุ๋ย และอาหารสัตว์ขยับตัวสูงขึ้น
เมื่อ : 17 มี.ค. 2565 ,
712 Views
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือร่วมกับ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ถึงแนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ราคาและการนำเข้า/ส่งออก ทั้งในส่วนของปุ๋ย อาหารสัตว์ และผลไม้ ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในเรื่องของราคาปุ๋ยที่มีราคาสูงขึ้นนั้น กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันหามาตรการที่จะช่วยในเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาในเรื่องต้นทุนที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับราคาปุ๋ยสูงขึ้น ก็จะหาช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยในราคาถูกได้ กระทรวงเกษตรฯ จึงมีโครงการลดราคาปุ๋ยเคมี โดยมอบหมายกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลัก นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้ได้ 5 ล้านตัน จากปัจจุบันที่มีการผลิตประมาณ 3.2 ล้านตัน เพื่อเป็นมาตรการเสริมใช่ช่วงปุ๋ยแพงต่อไป
สำหรับในเรื่องการส่งออกผลไม้ของไทยนั้น ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวที่คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งสองกระทรวง ได้ร่วมหารือถึงตลาดส่งออก โดยตลาดส่งออกสำคัญคือจีน ซึ่งฑูตเกษตรฯ ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานของจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันจีนยังคงยึดมาตรการ Zero Covid โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนมีมาตรการควบคุมทั้งคนและการขนส่งสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเป็นมาตรการทั้งระดับส่วนกลางและระดับท้องถิ่นซึ่งแตกต่างกันไปตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ สำหรับสินค้าที่ขนส่งผ่านห่วงโซ่ความเย็น เช่น ผลไม้ จะต้องถูกตรวจ 3 อย่าง และต้องได้รับใบรับรอง ได้แก่ ใบรับรองผ่านตรวจสอบกักกัน ใบรับรองผลตรวจโควิด และใบรับรองการผ่านการฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลไม้ของไทยสามารถส่งออกไปจีนได้
นอกจากนี้ ได้หารือถึงวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ (ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง) ที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และสมาคมต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ เพื่อเสนอความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว โดยให้มีการชะลอมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ อัตราส่วน 1 ต่อ 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ไว้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 65 นี้ รวมถึงต้องกำหนดปริมาณที่จะนำเข้าว่าไม่เกินเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะมีการตั้งคณะทำงานวงเล็กเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ซึ่งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายกรมปศุสัตว์และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ข้อมูลตัวเลขสำหรับใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับราคาปุ๋ยสูงขึ้น ก็จะหาช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยในราคาถูกได้ กระทรวงเกษตรฯ จึงมีโครงการลดราคาปุ๋ยเคมี โดยมอบหมายกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลัก นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้ได้ 5 ล้านตัน จากปัจจุบันที่มีการผลิตประมาณ 3.2 ล้านตัน เพื่อเป็นมาตรการเสริมใช่ช่วงปุ๋ยแพงต่อไป
.
สำหรับในเรื่องการส่งออกผลไม้ของไทยนั้น ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวที่คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งสองกระทรวง ได้ร่วมหารือถึงตลาดส่งออก โดยตลาดส่งออกสำคัญคือจีน ซึ่งฑูตเกษตรฯ ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานของจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันจีนยังคงยึดมาตรการ Zero Covid โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนมีมาตรการควบคุมทั้งคนและการขนส่งสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเป็นมาตรการทั้งระดับส่วนกลางและระดับท้องถิ่นซึ่งแตกต่างกันไปตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ สำหรับสินค้าที่ขนส่งผ่านห่วงโซ่ความเย็น เช่น ผลไม้ จะต้องถูกตรวจ 3 อย่าง และต้องได้รับใบรับรอง ได้แก่ ใบรับรองผ่านตรวจสอบกักกัน ใบรับรองผลตรวจโควิด และใบรับรองการผ่านการฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลไม้ของไทยสามารถส่งออกไปจีนได้
นอกจากนี้ ได้หารือถึงวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ (ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง) ที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และสมาคมต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ เพื่อเสนอความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว โดยให้มีการชะลอมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ อัตราส่วน 1 ต่อ 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ไว้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 65 นี้ รวมถึงต้องกำหนดปริมาณที่จะนำเข้าว่าไม่เกินเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์จะมีการตั้งคณะทำงานวงเล็กเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ซึ่งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายกรมปศุสัตว์และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ข้อมูลตัวเลขสำหรับใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรต่อไป