กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ให้การต้อนรับปลัดกระทรวง อว.และคณะ ในโอกาสที่เข้าร่วมภารกิจด้านการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมของไทยในกิจกรรมสำคัญ ณ ประเทศญี่ปุ่น


วันที่ 2 ตุลาคม 2568 นายอัครพงศ์ เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุลปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คณะผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ และเจ้าหน้าที่ วช. ณ สถานกงสุลใหญ่ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล กล่าวว่า การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างไทยและญี่ปุ่น โดยเฉพาะในสาขาที่มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งญี่ปุ่นกำลังฟื้นฟูความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ผ่านโครงการ Rapidus ความร่วมมือในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ระดับโลก ควบคู่ไปกับการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช. กล่าวถึงภารกิจครั้งนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ ได้แก่
- การลงนามความร่วมมือทางการวิจัย (Letter of Intent: LOI) ระหว่าง วช. และ The University of Osaka เพื่อส่งเสริมการวิจัยร่วม การแลกเปลี่ยนนักวิจัยและนักศึกษา รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรวิจัย
- การนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมของไทยเข้าร่วมจัดแสดงใน Thailand Pavilion ภายในงาน World Expo 2025 ณ นครโอซากา พร้อมทั้งพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่นักวิจัยและหน่วยงานที่นำผลงานเข้าร่วมจัดแสดง
- การเข้าร่วมการประชุม STS forum 2025 – The 22nd Annual Meeting ณ เมืองเกียวโต
กิจกรรมทั้งหมดมุ่งส่งเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ทางวิชาการ การสร้างเครือข่ายวิจัยเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ตลอดจนยกระดับบทบาทของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
คณะผู้บริหารของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science) พลังงาน และการเกษตร พร้อมกับนโยบายการดึงบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วม ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากาพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกต่อภารกิจของกระทรวง อว. และ วช. ในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมของไทยสู่ระดับสากล
นอกจากนี้ คณะยังได้หารือถึงแนวทางการพัฒนากำลังคน โดยเห็นพ้องว่าประเทศไทยควรใช้ประโยชน์จากเครือข่ายนักวิจัยไทยในญี่ปุ่น ผ่านรูปแบบที่เปิดโอกาสให้บุคลากรไทยทำงานในห้องปฏิบัติการและอุตสาหกรรมชั้นนำของญี่ปุ่น ควบคู่กับการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศในอนาคต