เอสวีแอล โลจิสติกส์ เปิดตัวโครงการ ”LINER BARGE” ปฏิวัติการขนส่งทางน้ำไทย มุ่งลดต้นทุน โลจิสติกส์-รักษาสิ่งแวดล้อม


กรุงเทพฯ - บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น โดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เอสวีแอล กรุ๊ป (SVL) ประกาศเปิดตัวโครงการนวัตกรรม "LINER BARGE PROJECT" การขนส่งทางน้ำระบบตารางเวลาประจำครั้งแรกของไทย เพื่อแก้ไขปัญหาต้นทุนขนส่งสูงและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายสร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย

นายอนุวัต ชัยกิตติวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสวีแอลคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า "โครงการ LINER BARGE เกิดจากการมองเห็นปัญหาการขนส่งทางถนนในปัจจุบันที่มีต้นทุนสูง ความเสี่ยงสูง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าการขนส่งทางน้ำ แต่การขนส่งทางน้ำแบบเดิมมีข้อจำกัดเรื่อง Minimum Charge ทำให้ลูกค้าต้องรอให้มีปริมาณสินค้าเพียงพอ เราจึงคิดค้นระบบ Fixed Schedule คล้ายรถเมล์ที่วิ่งตามตารางเวลาประจำ ช่วยให้ลูกค้าสามารถขนส่งได้โดยไม่ต้องมี Minimum Charge และสามารถวางแผนการผลิต จัดเก็บ และกระจายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด"
“ในส่วนของประโยชน์เด่นๆ ของโครงการ LINER BARGE หากเป็นด้านเศรษฐกิจและต้นทุน ก็จะสามารถช่วย
ลดต้นทุนค่าขนส่งต่อหน่วยลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไม่มี Minimum Charge สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายบริหารคลังสินค้า ส่งผลต่อ Cash Flow ของลูกค้าดีขึ้น ช่วยให้ลูกค้าวางแผนธุรกิจได้แม่นยำขึ้นด้วยระบบตารางเวลาที่แน่นอน ส่วนด้านสิ่งแวดล้อมนั้น การขนส่งทางเรือ 1 เที่ยว สามารถทดแทนรถบรรทุก 320 เที่ยว (ไป-กลับ) ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าการขนส่งทางถนน 3-5 เท่า เป็น Green Logistics Solution ที่สนับสนุนความยั่งยืน มุมของการจราจรและความปลอดภัย LINER BARGE PROJECT สามารถช่วยลดจำนวนรถบรรทุกบนท้องถนน ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุและลดค่าน้ำมันและการบำรุงรักษา รวมถึงความเสี่ยงในการขนส่งต่ำกว่าทางถนน พร้อมการประกันภัยสินค้าและระบบติดตามสถานะของสินค้าด้วย”
“โดยโครงการเริ่มต้นใน Phase แรกที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองรับลูกค้าภาคเหนือและภาคอีสาน จากนั้นจะขยายไปยังโซนอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับลูกค้าภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล”
นายอนุวัต เผยถึงผลการดำเนินงาน LINER BARGE PROJECT ว่า "ตั้งแต่เริ่มโครงการในช่วงมกราคม-พฤษภาคม 2568 มีมูลค่าการดำเนินงานกว่า 8.46 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลังจะเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี SVL ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ ได้แก่ ปูนซีเมนต์นครหลวงและท่าเรือเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อสร้างเครือข่ายการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม พร้อมกันนี้ SVL เตรียมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มแรก พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนออกแบบ Solution ที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละรายด้วย”
"โครงการนี้จะช่วยวางตำแหน่ง SVL เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำการขนส่ง Multimodal ทางน้ำในภาคใต้ โดยชูจุดขายด้านความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เป็น Logistics Provider ที่ให้บริการ Solution แบบครบวงจร ที่สำคัญถือได้ว่าได้เป็นส่วนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วย Multimodal Logistics ส่งเสริมการใช้เส้นทางน้ำที่มีต้นทุนต่ำ และลดการพึ่งพาการขนส่งทางถนน นอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ โดยเชื่อมโยงสินค้าจากภาคเหนือ ภาคอีสาน กรุงเทพฯ และภาคตะวันออก ไปยังภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุวัต กล่าว